Genshin Impact Wiki
Genshin Impact Wiki
ภาพรวมเนื้อเรื่องสื่อ


อุปนิสัย[]

นักวิชาการรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ ตอนนี้เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ Avidya Forest นิสัยตรงไปตรงมากระตือรือร้น เก่งในเรื่องการแนะนำสั่งสอนพวกคนสมองเลอะเลือน

—ข้อความข้อมูลเฉพาะตัวละครภายในเกม

Being a Forest Watcher, Tighnari is highly knowledgeable about various species of both plants and animals, particularly flowers. He spends a great deal of time in Sumeru's rainforests, ensuring that the ecosystem is balanced and offers advice to those willing to listen and sternly lectures those who don't. He has very sensitive ears, not being very fond of thunder or wind since they greatly affect them. He is also not fond of the desert, having suffered from heatstroke and thus claims that it's too hot for him.

He serves as a mentor to Collei, who in turn sees him as a Master of some sorts and holds him with high regard.

รูปลักษณ์[]

Tighnari is a young man of medium height and fair skin. He has short dark green hair with light green streaks that reach just below the chin and eyes that fade from brown to green. He also possesses several fox-like traits as he is hinted to be a desert Fennec fox, notably with his large, pointy ears and fluffy green tail. An intricately carved gold earring on his right shows three dangling leaves.

Tighnari's outfit consists of a cropped dark blue hoodie with black strings, yellow trim, and red and green details. A large yellow flower adorns his right side, and then a silver badge with a green tassel on his left side. The left sleeve of his hoodie is short, decorated with a singular green leaf, and stops just above his elbow, while the right sleeve is tight and reaches until his wrists. The right of his hoodie also has a long piece of pleated white fabric with a colorful pattern that stretches down until his upper thigh. On both wrists, Tighnari wears large black cuffs, gold trinkets, and a pair of black and orange gloves.

Under this, Tighnari wears a long white tunic with a thick purple belt with numerous blue and purple ropes and other multicolored trinkets attached, along with a large purple pocket on one side and two round pins where his Dendro Vision hangs. He wears a pair of ankle-length black pants with a pleated dark blue and red overcoat, cuffs, and laced white and blue boots with green stripes. Tighnari also sports a green half-cape attached to a large gold trinket on his back.

บทนำตัวละครอย่างเป็นทางการ[]

ข้อความถึงนาย น้ำผึ้ง 'อินทผาลัม' ชนิดพิเศษสองชุดที่นำกลับมาจากทะเลทราย สามารถช่วยชูกำลังได้ไม่ว่าจะเป็น 'ตอนเช้า' หรือ 'ตอนกลางคืน' ขอบคุณที่อดทนสอน และดูแล Collei อย่างดี จากนี้ไปก็ขอให้นายโชคดี ขอให้การทำงานราบรื่น ขอให้การเรียนของ Collei ก้าวหน้าไปได้ด้วยดี

—ข้อความนิรนามที่ถูกสอดไว้ใต้กล่องขนมที่วางอยู่บนโต๊ะของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

การได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอย่าง Tighnari เป็นเรื่องโชคดีอย่างหนึ่งสำหรับคนโชคร้ายที่เจอเรื่องลำบากใน Avidya Forest

แต่ถ้าเรื่องลำบากที่เจอเป็นเพราะความโง่เขลาของตัวเอง เกรงว่านั่นคงเป็นความสุขบนความทุกข์ปนเปกันไป

Tighnari แก้ปัญหาอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการที่เป็นมืออาชีพที่สุด พร้อมกับสั่งสอนบทเรียนให้อีกฝ่ายอย่างเข้มงวดที่สุด

ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่ประเมินป่าฝนต่ำไปมักจะได้รับบทเรียนจากป่าฝน และหากดูแคลนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจะต้องเผชิญกับการสอนบรรยาย "ทักษะการเอาตัวรอดในถิ่นทุรกันดาร"

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริง การเผชิญหน้ากับ Tighnari ไม่มีอะไรต้องเครียดขนาดนั้น ขอเพียงแค่เป็นคนที่มีสมองและสติที่แจ่มใส ก็สามารถเข้าใจคำอธิบายของเขาได้ง่าย ๆ

ส่วนคนที่ไม่มีการพัฒนาหลังจากผ่านการสอนซ้ำ ๆ นั้น...

"น่าเสียดาย ฉันเรียนเอกพฤกษศาสตร์ การช่วยให้ผู้คนพัฒนาสมองไม่ใช่งานของฉัน"

ข้อมูลตัวละคร

ผู้คนที่เดินผ่านป่า Avidya บางครั้งก็จะพบกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

เขามีใบหูที่ใหญ่ หางที่ยาว และใบหน้าที่เยาว์วัย หากไม่สังเกตดูให้ดี อาจจะคิดว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยหายากชนิดหนึ่งในป่า

แต่ขอเพียงแค่ได้สัมผัสพูดคุยกับเขา ผู้คนก็จะพบว่าเขาเป็นคนพูดจาชัดถ้อยชัดคำมั่นคงหนักแน่น

"กรุณารอก่อน ดูจากเสื้อผ้าของคุณแล้ว คงเป็นพ่อค้าแม่ขายที่จะเดินทางไปที่ Sumeru สินะ?นั่นมันผิดทางแล้วนะ กลับมาก่อน กลับมา!"

"เอาล่ะ หันหัวของคุณมาแล้วมองไปตรงนั้น เห็นมั้ย ทางนั้นมีแต่ต้นไม้ขึ้นจนรกทึบไปหมด อากาศก็ชื้นหนัก มองยังไงก็ไม่ใช่ถนนสายหลักที่มุ่งหน้าเข้าเมืองได้เลย"

"อ๋าา ทำไมถุงน้ำถึงว่างแบบนี้ล่ะ?"

"เอามานี่ ฉันจะแบ่งให้คุณนิดนึง อย่าคิดว่าในป่าฝนไม่จำเป็นต้องเตรียมน้ำดื่มที่สะอาดสิ"

"ถ้าดื่มน้ำในป่าซี้ซั๊ว ไม่แน่ตื่นมาอีกทีอาจนอนพะงาบอยู่ที่ 'Bimarstan' ในเมืองก็ได้นะ?"

"แน่นอนว่า ถ้านี่คือแผน 'เส้นทางท่องเที่ยว' ของคุณ ก็ถือว่าคุณมีความคิดเป็นตัวของตัวเองดีนะ"

หลังถูกชี้แนะเป็นพรืด ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้วก่อนที่สหายที่หลงทางคนนี้จะรู้สึกตัวซะอีก

"เอ่อ คือ...ขอบคุณมากนะ! แต่... ฉันขอถามหน่อยได้มั้ยว่าคุณเป็นใคร...?"

พอมองดูคนค้าขายเร่ที่งก ๆ เงิ่น ๆ โค้งคำนับหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ตัวเล็กกว่าตัวเองช่วงหัวหนึ่งแล้ว ทีมพิทักษ์ป่าที่เห็นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

"พรืด ฮ่า... อะแฮ่ม ท่านนี้ก็คือ ลูกพี่... เอ้ย หัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ท่าน Tighnari"

เรื่องราวของตัวละคร 1

ความประทับใจ Lv. 2


นอกจากการบำรุงรักษาป่าฝนเบื้องต้นแล้ว เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ายังประสบปัญหามากมายที่มนุษย์สร้างขึ้น

ค่ายที่ถูกยึดครองโดยพลการ เพิงที่สร้างขึ้นมาจากการทำลายพืชพรรณ ไหนจะยังมีขยะที่ใช้ในการดำรงชีวิตอีกกองหนึ่ง ที่จะกลายเป็นแหล่งก่อให้เกิดมลพิษ แถมยังมีกองฟืนที่ยังมอดดับไม่หมด...

สำหรับสถานการณ์พวกนี้ นอกจากแก้ไขปัญหาตรงหน้าแล้ว ยังต้องจัดการโน้มน้าวตักเตือนผู้ที่ก่อเรื่องอีกต่างหาก ซึ่งบางครั้งการตักเตือนก็ไม่ได้ถูกถ่ายทอดไปถึงอย่างถูกต้องนัก

หลังจาก Tighnari เข้าร่วมกับทีมพิทักษ์ป่าสถานการณ์เหล่านี้ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Tighnari มีกลิ่นอายของนักวิชาการเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และพร้อม 'สั่งสอนบทเรียน' ให้พวกที่ก่อเรื่องอย่างไม่ไว้หน้า

ที่สำคัญกว่านั้น ในระหว่างที่สั่งสอนอีกฝ่าย Tighnari ได้ใช้วิธีถ่ายทอดสิ่งที่ถูกต้อง และเหตุผลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบที่อีกฝ่ายสามารถเข้าใจได้ง่ายที่สุด

ในมุมมองของ Tighnari คู่มือการเอาตัวรอดในถิ่นทุรกันดารเหล่านี้เป็นความรู้ประเภทหนึ่ง และต้องใช้ทักษะในการทำให้ทุกคนยอมรับฟังความรู้เหล่านี้

การพูดตรงไปยังประเด็นที่ทำให้เกิดความผิดพลาดของอีกฝ่าย และสิ่งที่เสี่ยงให้เกิดอันตรายนั้นมีข้อดีกว่าที่จะให้คำแนะนำแบบแกน ๆ

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ Tighnari จึงค่อนข้างไม่ค่อยพอใจกับ "Akasha Terminal" ของสถาบันสักเท่าไหร่

ความรู้ควรเป็นสมบัติที่เป็นของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง พวกมันควรได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากผู้ที่ใฝ่รู้ในพวกมัน แทนที่จะถูกจำกัดไว้เพียงเครื่องมือเอาตัวรอดที่มีการแจกจ่ายอย่างจำกัด

น่าเสียดาย ในฐานะนักวิชาการรุ่นเยาว์ Tighnari ยังไม่มีพลังมากพอที่จะต่อกรกับสถาบัน ตอนนี้ทำได้แค่เพียงพยายามให้มากที่สุดในขอบเขตที่ตัวเองจะทำไหว

แต่ความจริง ก็ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามอย่างที่วาดหวังไว้

เพราะงั้นใน Avidya Forest เลยมักจะพบเห็นคนโง่ดวงซวยก้มหน้ารับการสั่งสอนจาก Tighnari อยู่เป็นประจำ

เรื่องราวของตัวละคร 2

ความประทับใจ Lv. 3


ในตอนที่ Tighnari มาถึง Gandharva Ville เป็นครั้งแรก เขาเป็นเพียงสมาชิกธรรมดาของทีมพิทักษ์ป่า เช่นเดียวกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนอื่น ๆ

"ได้ใช้สิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มาเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมของป่าฝนยังจะดีซะกว่าไปเข้าร่วม 'โครงการใหญ่' ลึกลับน่าสงสัยพวกนั้นของสถาบัน"

นี่คือความตั้งใจดั้งเดิมของ Tighnari ตั้งแต่ที่เขาออกจากสถาบันเมื่อจบการศึกษาจากคณะ Amurta และเข้าร่วมกับทีมพิทักษ์ป่า

หลังจากเข้าร่วมทีมได้ไม่กี่วัน เขาก็พบว่าในทีมพิทักษ์ป่าเองก็มีปัญหาอยู่มากมาย

ถึงแม้ว่าสมาชิกในทีมจะมีความกระตือรือร้นในการปกป้องป่าฝน แต่ก็ยังขาดการจัดวางแนวทางการทำงาน และคำแนะนำทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวด

ให้ตายสิ การพยายามเปลี่ยนแปลงต้องพบเจอความยุ่งยากมากมาย แต่การปล่อยผ่านไปไม่ใช่สไตล์ของ Tighnari เช่นกัน

Tighnari ที่มีแรงผลักดันขั้นสุด จึงเริ่มต้นดำเนินการเพื่อปรับปรุงสถานการณ์โดยทันที

จัดทำบันทึกการลาดตระเวนป่าเชิงวิทยาศาสตร์ มอบหมายงานตามจุดแข็งของแต่ละคน และจัดอบรมประวัติศาสตร์ธรรมชาติให้กับสมาชิกในทีมอย่างสม่ำเสมอ...

ด้วยความร่วมมืออย่างแข็งขันของทีมลาดตระเวนป่า ทำให้ประสิทธิภาพการลาดตระเวนของป่า Avidya มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ Gandharva Ville ซึ่งได้รับการจัดระเบียบเป็นอย่างดี

ทำให้นักวิชาการผู้รอบรู้คนนี้กลายเป็น 'ลูกพี่' ในสายตาของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั้งหลายไปโดยปริยาย

และแล้ววันหนึ่ง Tighnari ก็พบว่าคำที่เพื่อนร่วมงานเรียกเขานั้นเปลี่ยนไป...

"มหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า! บันทึกประจำวันเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรุณาตรวจสอบด้วย"

"มหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า! ฉันเก็บสิ่งของได้บริเวณ Chinvat Ravine ตอนนี้เอาไปไว้ที่สำนักงานจัดการของสูญหายแล้วนะ"

"แย่ล่ะ Sag วิ่งไปไหนแล้วไม่รู้... มหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า วันนี้คุณเห็นมันบ้างมั้ย?"

ตอนแรกเขาก็คิดว่าคงแค่พูดผิด แต่พอหลายครั้งเข้า คิ้วของ Tighnari ก็เริ่มขมวดกัน

"พวกเรามีตำแหน่ง 'มหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า' นี่ด้วยเหรอ? ...ห๊ะ? เลียนแบบวิธีการเรียกของ 'เจ้าหน้าที่มหามาตรา'?"

...ยังไงก็ขอเว้นกระบวนการระหว่างนั้นไว้ในฐานที่เข้าใจ ภายใต้การยืนกรานของ Tighnari ทุกคนจึงหันกลับมาเรียกเขาว่า 'ท่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า', 'อาจารย์' หรือ 'คุณ Tighnari' เหมือนเดิม

"'มหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า' มันฟังดูยิ่งใหญ่เกินไปหน่อย ฉันรับไว้ไม่ไหวหรอกนะ"

นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ Tighnari ได้กล่าวมา

"น่ากลัวชะมัด ดันนึกขึ้นได้ถึงมุกตลกเจื่อน ๆ อย่าง 'เจ้าหน้าที่มหามาตรากับกลไกมหามนตรา' ที่ใครบางคนเคยเล่าไว้น่ะสิ..."

ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ Tighnari ไม่ได้บอกออกไป

เรื่องราวของตัวละคร 3

ความประทับใจ Lv. 4


กาลครั้งหนึ่ง ดอกไม้ที่มีสีสันสดใสในป่าได้กลายมาเป็นที่ชื่นชอบของชาว Sumeru คนจำนวนไม่น้อยนิยมซื้อพวกมันไปเพื่อตกแต่งห้อง และก็ค่อย ๆ กลายเป็นที่นิยมขึ้นอย่างช้า ๆ

แต่น่าเสียดายที่ดอกไม้พวกนี้ เมื่อนำออกมาจากป่าฝนมักจะบานสดใสอยู่ได้แค่วันหรือสองวัน ถึงจะถูกดูแลรักษาอย่างดีก็ตาม

ดอกไม้ที่สูญสิ้นความสดใสผ่านไปไม่นานก็ถูกทิ้งให้กลายเป็นเพียงขยะเน่าเสียอยู่บนพื้น ไม่ว่าใครที่เห็นต่างก็ต้องทอดถอนใจ

ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ไม่เพียงแต่ปัญหาขยะและมลพิษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงของการทำลายระบบนิเวศป่าฝนในระยะยาวอีกด้วย

แต่พอทีมพิทักษ์ป่าเพิ่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ Tighnari ก็ได้เสนอขอความร่วมมือจากแผงขายดอกไม้ในเมือง:

ทีมพิทักษ์ป่าจะส่งคนไปช่วยเจ้าของแผงเก็บดอกไม้โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าของแผงขายดอกไม้ก็ต้องมีบริการเพิ่มเติมอีกอย่าง และแจ้งลูกค้าทุกคนที่มาซื้อว่าหากนำดอกไม้สดมาคืนในวันที่สองก่อนพวกมันจะเหี่ยวเฉา ก็จะได้รับใบเสร็จหนึ่งใบ แล้วหลังจากนั้นอีกสามวัน ใบเสร็จนี้จะสามารถนำมาแลกเป็นเครื่องประดับดอกไม้แห้งได้

แน่นอนว่าเครื่องประดับดอกไม้แห้งนั้น Tighnari เป็นคนรับผิดชอบสอน ทีมพิทักษ์ป่าให้ทำขึ้นมา ส่วนเรื่องค่างานฝีมือน่ะเหรอ จะจ่ายเท่าไหร่หรือไม่จ่ายล้วนขึ้นอยู่กับคนซื้อดอกไม้ เหมือนกับเป็นการขายของเพื่อการกุศล

เงินส่วนหนึ่งจะเป็นค่าแรงให้กับเจ้าของแผงดอกไม้ที่คอยเก็บดอกไม้มารีไซเคิล และส่วนที่เหลือทีมพิทักษ์ป่าจะนำไปใช้เพื่อบำรุงรักษาป่าฝนต่อไป

ความร่วมมือดำเนินไปอย่างราบรื่น: เจ้าของแผงดอกไม้ลดปัญหาที่ต้องเดินลึกเข้าไปป่าฝนเพื่อค้นหาดอกไม้ ทั้งยังเพิ่มรายได้ ทีมพิทักษ์ป่าเองก็ได้ใช้แผนวิทยาศาสตร์เพื่อควบคุมกระบวนการและปริมาณของการเก็บดอกไม้ และในขณะเดียวกันก็ได้รับเงินทุนเพิ่มเติม ส่วนคนที่ซื้อดอกไม้ไม่เพียงแต่ได้รับช่อดอกไม้ที่มีอายุขัยอันสั้น ทั้งยังได้รับของที่ระลึกที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานอีกด้วย

ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังมีคนในทีมพิทักษ์ป่าที่ไม่เข้าใจว่า "ทำไมไม่ห้ามเก็บดอกไม้นี้ตั้งแต่แรกล่ะ?"

Tighnari ที่ได้ยินคำถามแบบนี้ถึงกับต้องส่ายหัวไปมา หูกระตุกดุ๊กดิ๊ก

"คิดคำนวณตื้น ๆ แบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ถ้ามีข้อบังคับใช้ที่เคร่งครัดเกินไป จะเป็นเหมือนอาจารย์ที่แสนเข้มงวดที่สอนให้ทุกคนทำสิ่งต่าง ๆ แต่กลับไม่สามารถทำให้ผู้คนเข้าใจได้ พอคนไม่เข้าใจพวกเขาก็จะแหกกฎอย่างดื้อรั้น มันเป็นจิตวิทยาน่ะ"

"ถึงตอนนั้น แม้จะไม่สนใจชื่อเสียงของทีมพิทักษ์ป่า แค่จัดการกับพวกที่ขโมยดอกไม้อย่างผิดกฎหมายพวกเราก็ยุ่งพอแล้ว!"

"และกระแสนิยมเดี๋ยวก็เปลี่ยนไป ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานความสนใจของผู้คนจะเปลี่ยนไปที่อื่นแล้ว"

คำพูดนี้มีประโยชน์มาก พวกทีมพิทักษ์ป่าสามารถเข้าใจมันได้โดยทันที โดยเฉพาะ Collei ที่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างสุดแรง

"เครื่องประดับดอกไม้แห้งที่อาจารย์สอนก็เป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ เช่นกันนะ!"

เรื่องราวของตัวละคร 4

ความประทับใจ Lv. 5


เนื่องจากเผ่าพันธุ์เดียวกับ Tighnari นั้นมีจำนวนน้อย และมีร่องรอยที่ไม่แน่ชัด ผู้คนจึงมักรู้สึกว่าเขาให้ความรู้สึกที่สันโดษอยู่เสมอ

แต่สถานการณ์ของ Tighnari ดูเหมือนจะแตกต่างออกไป

แม้ว่าเขาจะอุทิศตนเพื่อการวิจัยเชิงวิชาการและไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล แต่เขาก็บังเอิญได้พบกับเพื่อนมากมาย

Tighnari ในวัยเยาว์ที่ศึกษาอยู่ในสถาบัน เพราะมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม นักเรียนหลายคนเลยมักจะมีคำถามมาให้เขาช่วยสอน พอสอนเสร็จก็มักมาพร้อมกับการขอถ่ายรูปหมู่

Tighnari งุนงงเล็กน้อย แต่ก็ตอบตกลงทีละคน

ทำให้ความประทับใจที่ว่า "Tighnari ทำได้ทุกอย่าง ทั้งยังรู้จักพูดจา!" แพร่กระจายออกไป ผู้คนต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเยี่ยมเยือนทั้งใน และคนนอกสถาบันต่างมาหาเขาเพื่อขอความร่วมมือ

จนวันหนึ่ง "ความนิยม" ดังกล่าวได้ดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่มหามาตรา Cyno เข้า

การจัดตั้งกลุ่ม และจัดตั้งกองกำลัง... นี่เป็นลางสังหรณ์ของการทุจริตทางวิชาการ!

อย่างไรก็ตาม หลังจากติดตามและสังเกตการณ์อย่างลับ ๆ เป็นเวลานาน Cyno ก็พบว่าสิ่งที่ทำให้ Tighnari ได้รับการติดต่อจากคนอื่นบ่อยครั้งนั้นเป็นเพราะเขามี "จิตใจดี" เกินไปต่างหาก

แถมตัว Tighnari เองก็สนใจแต่เรื่องวิชาการ ไม่ค่อยสนใจที่จะสานสัมพันธ์กับผู้คนเท่าไหร่

ถึงจะตอบรับคำขอความร่วมมือต่าง ๆ แต่ก็พิจารณาแต่สิ่งที่เหมาะสมในการทำวิจัยเท่านั้น

สุดท้าย Cyno ก็ได้ข้อสรุปดังนี้: "เป็นบุคคลที่มีความสามารถ, ซื่อสัตย์ และสามารถพึ่งพาได้คนหนึ่ง ไม่มีแนวโน้มในการทุจริตทางวิชาการ การเฝ้าระวังถูกยกเลิก"

อาจเป็นเพราะความประทับใจในความบริสุทธิ์นี้ เจ้าหน้าที่มหามาตราที่ต้องการอยู่ห่างจากพวกนักวิชาการมาตลอด ก็ได้ลดความระมัดระวังลง หลังจากวันนั้นเขาก็ได้กลายเป็นเพื่อนกับ Tighnari ในที่สุด

เพราะการสั่งสมประสบการณ์การพบเจอผู้คนแบบนี้ ต่อมาจึงได้ก่อเป็นพื้นฐานการยอมรับเพื่อนใหม่ของตัว Tighnari เองขึ้น...

"สาวน้อยคนนี้...ชื่อว่า 'Collei' สินะ?"

"ไม่รู้หนังสือก็ไม่เป็นไร ปลุกพลังใจขึ้นมา ทุกคนสามารถเริ่มต้นเรียนสิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ เธอเองก็ไม่ต่างไปจากคนอื่น ๆ หรอกนะ"

"งั้นคาบเรียนแรก เป็นการสะกดชื่อตัวเองเป็นไง?"

เรื่องราวของตัวละคร 5

ความประทับใจ Lv. 6


ผู้ที่ชื่นชอบการทำวิจัย มีความอยากรู้อยากเห็นที่เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่รู้จักไม่ว่าจะสนุกหรือไม่

Tighnari เองก็ไม่มีข้อยกเว้น และความอยากรู้อยากเห็นดูเหมือนจะมีมาแต่กำเนิดเลยด้วย

ในขณะที่เด็กในวัยเดียวกันยังคงอ่านนิทานอยู่ Tighnari ก็ได้ค้นตู้หนังสือวิชาการของคุณพ่อ คุณแม่แล้ว

ยืมหนังสือเรียนวิชาสามัญจากคุณพ่อที่เป็นนักกีฏวิทยา และขโมยภาพวาดลายฟอสซิลจากคุณแม่ที่เป็นนักชีววิทยาโบราณ...

เพราะแบบนี้ Tighnari ตัวน้อยก็กอดหางของตัวเองไว้ในขณะที่นำความรู้มากมายที่ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจเข้าสู่สมองไปด้วยทั้งอย่างนั้น

Tighnari ก็ค่อย ๆ พบว่า เมื่อเขารู้มากขึ้นก็ยิ่งอยากรู้ในสิ่งที่เขาไม่รู้ขึ้นไปอีก

ตัวอย่างเช่น ทำไมคนอื่นถึงไม่มีหูและหางเหมือนครอบครัวของเขาล่ะ?

หลังจากพลิกหนังสือโบราณที่เขาเจอที่บ้าน Tighnari ก็พบต้นฉบับที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ชุดหนึ่ง เนื้อหาเกี่ยวข้องกับ "Valuka Shuna"

บันทึกระบุว่า Valuka Shuna เคยเป็นเผ่าพันธุ์ภายใต้บัญชาของราชา Deshret ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่มีขนสีอ่อนและใบหูขนาดใหญ่ที่ช่วยระบายความร้อน

แต่เมื่อภัยพิบัติมาถึง อาณาจักรของราชา Deshret ก็ล่มสลาย ขนของ Valuka Shuna ที่รอดชีวิตจากความเมตตาของเทพแห่งพฤกษา ก็ได้กลายเป็นสีเขียวไป

"เมื่อพูดถึง 'Valuka Shuna' ตามที่ถูกบันทึกไว้ พวกเขาดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกมากกว่า แต่ความหมายที่แท้จริงของชื่อคือ 'สุนัขตัวใหญ่แห่งท้องทะเลทราย'

"ตามที่ได้ฟังเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งของฉันซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับป่าพูดไว้ มีสิ่งเล็ก ๆ ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า 'Aranara' อ้างว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการตั้งชื่อ 'Valuka Shuna'

"โอ้ ท่านเทพ!" พออ่านถึงตรงนี้ Tighnari น้อยก็ได้แต่ตกตะลึง "ที่แท้ฉันก็เป็น 'สุนัขตัวใหญ่แห่งท้องทะเลทราย'!"

ที่จริงแล้วบรรพบุรุษของ Tighnari อาศัยอยู่ร่วมกับ Valuka Shuna ทำให้พวกเขาได้สืบทอดคุณลักษณะทางสายเลือดบางอย่างมา

แต่ในสายตาของเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้น เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ Tighnari รีบขอให้คุณพ่อพาตัวเองไปออกสำรวจทะเลทรายในครั้งต่อไปด้วย 'สุนัขตัวใหญ่แห่งท้องทะเลทราย' อยากกลับไปเยี่ยมชมทะเลทราย!

แต่ตอนจบกลับเกิดเรื่องไม่คาดคิด ก่อนเดินเข้าไปในทะเลทรายอีกแค่สองสามเมตร Tighnari กลับรู้สึกวิงเวียนเป็นลมแดดจนถูกส่งตัวกลับไปที่ป่าฝนทันที

"โอ้ ท่านเทพ" Tighnari ที่ฟื้นขึ้นในบ้านต้นไม้เศร้าเสียใจมาก 'สุนัขตัวใหญ่แห่งท้องทะเลทราย' เสื่อมถอยลงในรุ่นของฉันแล้ว

หลายปีผ่านไป เด็กที่โง่เขลาได้เติบโตขึ้นเป็นนักวิชาการที่น่าเชื่อถือ และเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นเรื่องตลกในอดีตไป

Tighnari ในตอนนี้ไม่เพียงแต่รู้ว่าทำไมสิ่งเล็ก ๆ ที่ชื่อ "Aranara" ถึงได้ตั้งชื่อนี้ และยังรู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงวิงเวียนได้ง่ายในทะเลทราย

สมัยก่อนสุนัขจิ้งจอกและสุนัข ทางชีววิทยาพวกมันก็ถือเป็นสุนัขเหมือนกัน บางที Aranara ที่ตั้งชื่อนี้ อาจจะมีวัฒนธรรมมากที่สุด

เหตุผลหลังจากนั้น... ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็อาจมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณพ่อเคยพูดขณะลูบหัว และพูดพร้อมรอยยิ้มว่า

"ขนของเด็กคนนี้เขียวจนออกดำ คงทนรับความร้อนของทะเลทรายได้อย่างยากลำบากแน่!"

แว่นขยายสำหรับผู้เริ่มต้น

ความประทับใจ Lv. 4


Tighnari มักพกแว่นขยายติดตัวไปด้วยเมื่อออกสำรวจตามลำพังในป่าฝน

มันเป็นของขวัญที่คุณแม่ได้มอบให้เขา มีน้ำหนักเบา, เรียบง่าย มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับเด็ก

"หูของเธอช่วยให้เธอได้ยินเสียงที่อยู่ห่างไกลออกไปแล้ว ดังนั้นให้แว่นขยายนี้ช่วยให้เธอได้มองเห็นสิ่งเล็ก ๆ เถอะนะ!"

เพราะงั้น Tighnari เลยใช้แว่นขยายนี้ส่องดูปุยขนหลังใบไม้, เกล็ดผงบนปีกของผีเสื้อ และร่องรอยของงูในป่าฝน

อาศัยการสังเกตทีละเล็กละน้อย, ผ่านการวิเคราะห์ และสั่งสมจนได้รับการยอมรับล่วงหน้าจากคณะที่ใหญ่ที่สุดคณะ Amurta และเริ่มต้นเส้นทางเชิงวิชาการกับท่านนักปราชญ์จากภาควิชาชีววิทยา

Tighnari วางแว่นขยายที่เต็มไปด้วยร่องรอยสึกหรอจากการใช้งานลงบนจดหมายเชิญฉบับใหม่จากสถาบัน พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

สุดท้าย เขาก็ได้ดัดแปลงแว่นขยายที่อยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เด็กอย่างระมัดระวัง จนมันกลายเป็นเครื่องประดับที่สามารถประดับอยู่บนเสื้อผ้าได้

เข้ารู้ว่า หลังจากที่เขาเข้าสู่รั้วสถาบันแล้ว จะต้องเรียนรู้หนังสือที่ซับซ้อนลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังต้องได้ยุ่งเกี่ยวกับเครื่องมือซับซ้อนอีกมากมาย แว่นขยายแบบเก่าอันนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเท่านั้น ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

แต่มันจะกลายเป็นเพื่อนที่คอยร่วมทางสำหรับผู้กระหายความรู้อย่างเขา และจะติดตามตัวเขาออกไปดูโลกกว้างต่อไปด้วย

วิชั่น

ความประทับใจ Lv. 6


ในสถาบัน ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงาน ต่างก็หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการประชุมวิชาการต่าง ๆ ไม่ได้

ผู้บรรยายยืนพูดจาฉะฉานอยู่ในห้องบรรยาย และผู้เข้าร่วมการประชุมที่กระตือรือร้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่มักจะเห็นในการประชุมวิชาการ

แต่หากพูดกันตามจริงแล้ว ภายใต้การสำรวจทะเลแห่งห้วงความรู้อันกว้างใหญ่ จะมีผู้แสวงหาความรู้ตัวน้อยคนใดไม่เคยผิดพลาดบ้าง?

ในการประชุมทางวิชาการที่ Tighnari ได้เข้าร่วม มีนักวิชาการท่านหนึ่งได้บรรยายในเรื่องที่ไม่ตรงกับเรื่องที่ Tighnari รู้

ในตอนนั้น Tighnari เป็นเพียงแค่นักเรียนที่มานั่งฟังการบรรยายเท่านั้น เขาหันไปมองรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว แล้วพบว่าทั้งนักเรียน และอาจารย์คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ต่างไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย

จะทำยังไงดีนะ? บางทีทุกคนอาจจะฟังรู้แล้วว่ามีปัญหา แต่เพราะหน้าตาทางสังคม เลยพูดออกมาในที่สาธารณะไม่ได้

หรือว่าปัญหานี้มีแต่ตัวเขาที่รู้กัน ถ้าไม่อธิบายออกไปให้ชัดเจน อาจจะเป็นการเผยแพร่ความรู้ที่ผิด ๆ ก็ได้...

แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง Tighnari ก็ตั้งสติ และมั่นใจในความคิดของตนเอง

ถึงทั้งสถานะ และสถานที่ต่อหน้าจะเป็นอุปสรรค แต่ทัศนคติที่เข้มงวดต่อความรู้ก็เป็นฝ่ายมีชัย

ความรู้ก็เหมือนดวงดาวที่ส่องแสงบนท้องฟ้ายามราตรีที่ไม่อาจมีสิ่งใดสั่นคลอนได้

ด้วยความคิดนี้ Tighnari เลยยกมือขึ้น

"ขออภัย ผมขออนุญาตขัดจังหวะสักครู่"

เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันเยาว์วัย นักวิชาการบนเวทีประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็อนุญาตให้ Tighnari ได้อธิบาย

พอพูดจบก็พบว่า วิธีที่ Tighnari พูดนั้นถูกต้อง

หลังจากที่นักวิชาการผู้บรรยายได้รับข้อมูลที่เพียงพอแล้ว ก็ยอมรับการแก้ไขของ Tighnari อย่างใจเย็น

หลังจากฟังบทสนทนาจบแล้ว,นักเรียน และอาจารย์คนอื่น ๆ ก็ได้เข้าร่วมการอภิปรายครั้งนี้ด้วย ในการอภิปรายครั้งนี้ได้นำไปสู่แนวทางการวิจัยใหม่ Tighnari ยังได้รับนามบัตรจากนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในระหว่างการอภิปราย

พอเรื่องทั้งหมดจบลง Tighnari ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

โชคดีจัง... อ๊ะ ไม่สิ ต้องพูดว่ามีความสุขจัง คนที่ศึกษาเล่าเรียนด้วยกันต่างก็เป็นผู้แสวงหาความรู้อย่างจริงจัง

แต่ตอนนั้น Tighnari เองก็คิดไม่ถึง ว่าในอนาคตยังมีเรื่องอีกมากมายที่ทำให้เขาทั้งรู้สึกโชคดี และมีความสุข

พอจบการประชุม Tighnari ก็ลุกขึ้นยืน แล้วก็ได้ยินเสียงดัง "แกร๊ง!"

มันคือเสียงของวิชั่นที่ร่วงหล่นออกมาจากเสื้อผ้ามานอนนิ่งอยู่บนที่นั่ง

นามบัตร[]

กลุ่มดาว[]

Vulpes Zerda
TighnariTighnari ความหมาย:
สุนัขจิ้งจอกเฟนเนก

เควสต์และกิจกรรม[]

การกล่าวถึงตัวละคร[]

เรื่องราวของตัวละคร

ตัวละครเรื่องราว

เสียงพากย์ตัวละคร

ตัวละครเสียงพากย์
  • เกี่ยวกับ Tighnari... 
    ฉันไม่ค่อยได้เจอเขา แต่เรามักจะติดต่อกัน ผ่านทางจดหมายอยู่บ่อย ๆ ตอนแรกไม่รู้ว่าเขา ติดต่อมาหาฉันจากช่องทางไหน แต่เขาเขียนมาโดยใช้คำพูดที่สุภาพมาก การที่นักพฤกษศาสตร์ชื่อดัง มาขอคำแนะนำด้านดอกไม้จากฉัน ทำให้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก แต่ฉันก็ใช้โอกาสนี้ถามเขา เกี่ยวกับเครื่องเทศของ Sumeru เช่นกัน ซึ่งเขาก็ช่วยตอบคำถามของฉัน หมดทุกข้อเลย
    ตอนนี้เราสองคนพูดคุย ผ่านจดหมายอย่างเป็นกันเองมากขึ้นแล้ว เขายังเล่าถึงเพื่อน ๆ ของเขาให้ฉันฟังอยู่บ่อย ๆ ด้วย ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากขึ้นจากโอกาสแบบนี้
  • เกี่ยวกับ Tighnari... 
    Tighnari เป็นคนที่เก่งมากเลยล่ะ ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาไม่ค่อยชินกับ สภาพอากาศในทะเลทรายสักเท่าไหร่ พิธีดวลศาสตราในตอนนั้น ฉันดูไม่ออกเลยสักนิด และฉันก็ไม่คิดด้วยว่าเขาจะเขียนจดหมาย เชิญฉันไปเป็นแขกที่ Gandharva Ville เขาบอกว่าอยากให้ฉันมีโอกาสได้เจอกับเพื่อน ๆ ของ Cyno เธอว่าปกติพวกเขามักจะ เล่าเรื่องแบบไหนตอนกินข้าวเหรอ? ฉันชักจะตั้งตารอแล้วสิ!

ชื่อในภาษาอื่น[]

ย่างก้าวในแดนไพร[]

ภาษาชื่ออย่างเป็นทางการความหมายที่แท้จริง
ไทยย่างก้าวในแดนไพร
Yang Kao Nai Daen Phrai
A Walk in the Forest Land
อังกฤษVerdant Strider
จีน
(ตัวย่อ)
浅蔚轻行
Qiǎnwèi Qīngxíng
จีน
(ตัวเต็ม)
淺蔚輕行
Qiǎnwèi Qīngxíng
ญี่ปุ่น緑土逍遥
Ryokudo Shouyou
A Walk in the Verdant Area
เกาหลี신록의 발걸음
Sinrok-ui Balgeoreum
Step of Vendure
สเปนEl Caminante de la Espesura
ฝรั่งเศสMarcheur verdoyantVerdant Walker
รัสเซียЗелёный странникGreen Wanderer
เวียดนามDạo Bước Rừng Xanh
เยอรมันWanderer im GrünenWanderer in the Countryside
อินโดนีเซียVerdant Strider
โปรตุเกสAndarilho VerdejanteVerdant Wanderer

อ้างอิง[]

หน้าอื่น ๆ[]