Sucrose/เนื้อเรื่อง

ภาพรวมเนื้อเรื่อง

หน้าเพจนี้ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

หากคุณมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โปรดคลิกที่นี่เพื่อแก้ไขและเพิ่มข้อมูล

นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้าต่อทุกสรรพสิ่งบนโลก สังกัดกองอัศวินแห่ง Favonius และเป็นผู้ช่วยของ Albedo โดยแนวทางการวิจัยของเธอคือ "การแปรธาตุชีวภาพ"
เธอหวังว่าจะใช้การเล่นแร่แปรธาตุเพื่อเปลี่ยนรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่และทำให้โลกนี้มีสีสันมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าบางครั้งผลผลิตที่แปลกสุด ๆ จะเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการของการเปลี่ยนแปลง — แต่โดยรวมแล้ว "การแปรธาตุชีวภาพ" ของ Sucrose นั้นประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
—คำอธิบายบนเว็บไซต์ทางการ^[1]

อุปนิสัย[]

Sucrose โปรดปรานการทดลองอย่างที่สุด และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการค้นคว้าเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุชีวภาพ โดย Sucrose ระบุว่าตนเองชอบที่จะค้นพบความลับของชีวิต โดยงานวิจัยที่ได้นั้นมักจะให้ผลลัพธ์มากมายจนทำให้ Sucrose ติดป้ายกำกับไปทุกผลการทดลอง และไม่คำนึงว่าผลลัพธ์ดังกล่าวจะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด Sucrose แทบใช้เวลาที่มีอยู่หมดไปกับการค้นคว้า และจะรู้สึกหมดอาลัยตายอยากอย่างรวดเร็วทุกครั้งที่หยุดพัก

เนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้นคว้าและทดลอง Sucrose จึงเป็นคนสันโดษ และมีปัญหาในการพูดคุยกับผู้อื่น โดยเกรงว่าจะทำให้อีกฝั่งขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ Lisa กล่าวว่า Sucrose เข้ากับมนุษย์ได้ไม่มากซะเท่าไร และตัว Sucrose เองยังยอมรับว่ากลัว Jean มากจนถึงขั้นที่มักจะขอให้ Albedo ไปแทน ถ้าจำเป็นต้องได้ข้องเกี่ยว แต่จะเปลี่ยนบุคลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อพูดถึงการเล่นแร่แปรธาตุชีวภาพหรือคุยกับ Albedo Sucrose เคารพ Albedo จนถึงจุดที่พูดกับอีกฝั่งอย่างสุภาพ และรักษากิริยาท่าทางที่เป็นทางการมากเสียจนเกินไป แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่รุ่นเดียวกันก็ตาม

รูปลักษณ์[]

Sucrose มีผมยาวสีเขียวแซมลายสีฟ้า และมัดผมเอาไว้ ผิวขาว นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน พร้อมแว่นตาทรงกลมขอบดำ วิชั่นธาตุลมถูกติดไว้เป็นเข็มกลัดที่คอเสื้อ Sucrose สวมชุดนักเล่นแร่แปรธาตุซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมสืบสวนของกองอัศวินแห่งฟาโวเนียส ร่วมกับ Albedo ผู้เป็นที่ปรึกษา Sucrose ยังสวมถุงมือหนาสีขาว คอร์เซ็ตสีน้ำเงินคู่กับชุดเดรสคอปาด และรองเท้าบูทสีขาวและถุงน้องขาสูงสีดำพร้อมสายรัด

Sucrose ดูเหมือนจะไม่ใช่สายเลือดมนุษย์แท้ เนื่องจากส่วนหูเป็นหนึ่งในลักษณะทางพันธุกรรม ซึ่งตัว Sucrose ปกปิดไว้ให้ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของผม

เนื้อเรื่องตัวละคร[]

ข้อมูลตัวละคร

ถึงแม้ Sucrose จะเป็นผู้ช่วยของนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะ Albedo แต่ทิศทางการวิจัยของพวกเขานั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แทนที่จะศึกษาแก่นแท้ของการเล่นแร่แปรธาตุและสร้างชีวิตใหม่ เธอกลับสนใจวิธีการแปรธาตุเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตที่มีอยู่ และทำให้โลกใบนี้มีสีสันมากขึ้น

ถึงแม้เธอจะอายุยังน้อย แต่ก็มีผลงานอันน่าที่งนับไม่ถ้วน: เช่น เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำหวาน จากดอก Sweet Flower ขึ้น 70% โดยการใช้น้ำยาพิเศษมากระตุ้น และเธอยังได้พัฒนาสเปรย์พิเศษ ที่ช่วยรักษาความสดของผล Sunsettia ให้สดใหม่เป็นเดือนหลังจากที่เก็บมันมาจากต้น

แม้แต่คนที่กังขาในทิศทางงานวิจัยของเธอ ก็ต้องยอมรับความสามารถอันโดดเด่นในการแปรธาตุของเธอ หลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์เหล่านี้

สำหรับเธอแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ผลลัพธ์ของการทดลองที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นเพียงแค่การค้นพบโดยบังเอิญ บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ เป้าหมายของเธอที่แท้จริงยิ่งใหญ่กว่านี้มาก

เป้าหมายนี้เป็นความลับของเธอ และเป็นความฝันเล็ก ๆ ของเธอด้วย

เรื่องราวของตัวละคร 1

ความประทับใจ Lv. 2

หัวข้อการศึกษามากมายของ "การแปรธาตุชีวภาพ" นั้นล้วนมาจากความสงสัยในทุกสรรพสิ่งของ Sucrose ส่วนแหล่งที่มาของความสงสัย เหล่านั้น ก็คือความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นของเธอที่มากเกินกว่าใคร

ยกตัวอย่างเช่นดอก Sweet Flower กับพืชที่มักจะถูกผู้คนนำมาทำเป็นน้ำตาลชนิดนี้ ก็ยังเคยได้รับความสนใจจาก Sucrose เป็นพิเศษ

เธอคิดว่าความหวานของดอก Sweet Flower นั้นช่างเป็นคุณสมบัติที่แสนจะเด่นชัดเสียจริง แต่ทำไมสรรพคุณของพืชชนิดนี้ถึงได้ถูกจำกัดอยู่แค่นี้ และไม่มีใครทำการค้นคว้าต่อไปกันนะ?

เธอทำการวิจัยคุณสมบัติเด่นของ Sweet Flower อย่างละเอียด โดยจัดทำแผนการเพาะปลูกมากกว่า 30 แผน และตั้งกลุ่มควบคุมหลายกลุ่มตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ, อุณหภูมิ ฯลฯ

อย่างไรก็ตามแผนการนั้นไม่เคยทันกับการเปลี่ยนแปลงเลย หลังจากที่การทดลองเริ่มขึ้น ความสงสัยของ Sucrose ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดระหว่างการทดลอง ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ให้กับเธอ

Sucrose ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความสงสัยเหล่านั้นได้ มันจะทำให้เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับและถึงขั้นรู้สึกผิดเลยทีเดียว โดย Sucrose ผู้เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นนั้นยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แล้วจำนวนของแผนการเพาะปลูกก็เพิ่มขึ้นไปถึง 300 แผนในที่สุด

เซ็ตใหม่ของ Sweet Flower ที่ได้รับการพัฒนาออกมา: บ้างก็ออกดอกเพิ่มมากขึ้น 3 เท่า บ้างก็ดอกใหญ่ขึ้น 5-6 เท่าจนถึงขนาดร่อนไปกับสายลมได้ บ้างก็ถึงขั้นออกผลที่มีรสหวานอร่อยออกมา

หลังจากที่การทดลองล่วงเลยมาหลายเดือน ในที่สุด Sucrose ก็ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับดอก Sweet Flower ทั้งหมดที่เธอมีอยู่ได้ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันทีที่บันทึกการทดลองถูกรวบรวมออกมาเป็นหนังสือ

แม้จะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แต่เมื่อได้เห็นกองบันทึกการทดลองที่เต็มไปหมดเหล่านั้น เธอก็รู้ว่าเธอสนุกกับมันเสียจริง ๆ

เรื่องราวของตัวละคร 2

ความประทับใจ Lv. 3

ในสายตาของคนทั่วไปนั้น Sucrose เป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บตัว เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่สนใจโลกภายนอก

แต่สถานการณ์จริงนั้นกลับตรงกันข้าม Sucrose มีความกระหายอย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เสมอ แต่สำหรับเธอแล้ว การเรียนรู้โลกภายนอกนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งกว่าการเล่นแร่แปรธาตุเสียอีก

การแปรธาตุนั้นขอเพียงแค่ไม่หยุดที่จะทำการทดลองและยึดมั่นในแนวทางการวิจัย ก็จะได้รับคำตอบอยู่เสมอ แต่ความสัมพันธ์ของผู้คนนั้นกลับ ต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่สามารถวัดค่าได้อย่าง "มารยาท" , "อารมณ์" และก็ไม่มีโอกาสในการลองทำพลาดด้วย

เพราะฉะนั้น หลักการที่ Sucrose ใช้ก็คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ให้มากที่สุดและใช้วิธีที่เธอคุ้นเคยในการสนองความอยากรู้ อยากเห็นของตัวเอง

ยกตัวอย่างเช่น Sucrose สงสัยมาตลอดว่า Diona บาร์เทนเดอร์ของร้าน Cat's Tail ผู้มีใบหูของสัตว์เหมือนกับเธอนั้นมีข้อมูลทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันกับเธอหรือไม่

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คนทั่วไปนั้นสามารถหาคำตอบได้ ตราบใดที่พวกเขาเอ่ยปากถาม แต่ Sucrose กลับเป็นกังวลว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นการละเมิดหรือไม่... อย่างน้อยเธอก็เป็นคนนึงที่ไม่ชอบ ให้ใครมาจ้องมองหูของเธอ

เพราะฉะนั้น เธอจึงเลือกใช้วิธีที่เธอถนัดที่สุด... การสำรวจ

เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งแม้แต่ Diona ก็ยังสัมผัสได้ว่ามีตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เธอจากมุมใดมุมหนึ่ง อีกทั้งเธอยังโมโหมากเพราะคิดว่า เป็นลูกค้าของทางร้านที่มาสะกดรอยตามอีกด้วย

"พันธุกรรมมีความคล้ายคลึงกัน แต่ที่มานั้นกลับต่างกัน ความสัมพันธ์กับแมวนั้นควรค่าแก่การศึกษาในเชิงลึก หมายเหตุ: ยังไม่สามารถรับตัวอย่างกระดูกมาได้"

ข้อสรุปนี้ถูกบันทึกไว้ในบันทึกของ Sucrose ในฐานะผลการวิจัยล่าสุด

ถ้าจะถามว่ายังได้รับอะไรเพิ่มเติม อีกมั้ยล่ะก็...

ดูเหมือนว่าอยู่ ๆ Sucrose ก็เข้าใจได้ถึงความน่ารักของแมว ซึ่งเธอได้ทำแว่นตาหูแมวขึ้นมาเป็นพิเศษ 1 อัน แต่เพราะว่าขี้อายจนเกินไป เธอจึงใส่มันได้เฉพาะเวลาอยู่ในห้องของตัวเองเท่านั้น

เรื่องราวของตัวละคร 3

ความประทับใจ Lv. 4

หนึ่งครั้งในทุกสามวัน Sucrose จะเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมในตอนกลางคืน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากและยิ่งใหญ่มากสำหรับเธอ

เธอจะไปยังจุดต่าง ๆ ที่มีเนื้อของ Mondstadt ทีละแห่ง ๆ ตั้งแต่กิลด์นักผจญภัยไปจนถึง Springvale ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่านายพรานเพื่อเก็บรวบรวมวัตถุดิบอย่างหนึ่งที่มี คุณสมบัติพิเศษ

"ส... สวัสดี ร... รบกวนหน่อยนะ นั่นน่ะ ฉันอยากได้... ที่มันสด ๆ อืม... ถ้าให้ดีก็ขอไอ้นั่น... กระดูกที่มีเนื้อกับเลือดติดอยู่"

ในตอนแรกนั้นทุกคนต่างก็คิดว่า พฤติกรรมของเธอนั้นมันช่างแปลกเหลือเกิน แต่หลังจากที่คุ้นเคยกันแล้วทุกคนก็เปลี่ยนเป็นใจดีกับเธอ อีกทั้งยังตั้งใจเก็บกระดูกไว้ให้เธอเป็นพิเศษอีกด้วย

ครั้งนี้สิ่งที่ Sucrose ได้มานั้นค่อนข้างดีทีเดียว นอกจากกระดูกไก่และหมูป่าที่พบเห็นได้ทั่วไปแล้ว เธอยังได้กระดูกกิ้งก่าที่ครบถ้วนสมบูรณ์และกระดูกขาที่มีเลือดติดอยู่ของ Hilichurl อีกด้วย

กระดูกหายากนั้นทำให้ Sucrose ต้องตื่นเต้นตาโต โดยเธอโค้งขอบคุณ Katheryne แห่งกิลด์นักผจญภัยครั้งแล้ว ครั้งเล่า

กระดูกแปลกใหม่เหล่านี้ไม่เพียงแต่สนองความอยากรู้อยากเห็นของ Sucrose เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ระหว่างกระบวนการการทำงานของเธออีกด้วย

สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ... แต่ไหนแต่ไรการเก็บสะสมโครงกระดูกก็เป็นงานอดิเรกที่ Sucrose คลั่งไคล้อยู่แล้ว

โดยไม่ได้ตั้งใจ ครั้งหนึ่ง Sucrose บังเอิญได้ยินคุณแม่ท่านหนึ่งสอนลูกของตนเองว่า:

"ถ้ายังดื้อไม่ฟังกันอีกล่ะก็ จะมีหญิงชราผู้แสนน่ากลัวคนหนึ่ง แบกกระสอบมาหาที่บ้านเพื่อดึง กระดูกของหนูไปนะ"

ความอยากรู้อยากเห็นกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ Sucrose ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ที่แท้... เรื่องเล่าหลอกเด็กนี้ก็มีมาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเกิดแล้ว

หลังจากที่รู้ความจริงเรื่องนี้ Sucrose ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งใจ

ตามที่ทุกคนสังเกตเห็น บางทีอาจจะเพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย หรือบางทีอาจเป็นเพราะความเขินอาย Sucrose ได้เปลี่ยนจากถุงกระสอบที่เธอใช้มานานไปเป็นถุงหนังแทน

เรื่องราวของตัวละคร 4

ความประทับใจ Lv. 5

ในฐานะผู้ช่วย Sucrose คอยทำทุกอย่างเพื่อช่วย Albedo มาโดยตลอด ซึ่งถึงแม้ว่าหัวข้อการศึกษานั้นจะยาก แต่มันก็ทำให้เธอได้ประโยชน์จากการเรียนรู้ทุกครั้ง

หลังจากที่การทดลองตลอดห้าวันห้าคืนสิ้นสุดลง Albedo ก็พบว่าร่างกายของ Sucrose นั้นใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดแล้ว จากนั้นจึงได้จัดการบังคับให้เธอได้พักเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

แต่เดิม Sucrose ต้องการที่จะใช้วันหยุดเพื่อปรับสภาพร่างกายของเธอ แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเธอกลับรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

อาหารเช้า: ไข่ดาว, ไส้กรอก แล้วก็กาแฟหนึ่งแก้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทั้งหมดต่างก็เป็นของที่เคยวิจัยมาแล้วทั้งนั้น

นอนอ่านหนังสืออาบแดดก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ มันคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อน แต่หนังสือที่มีก็อ่านไปหมดแล้ว คำถามที่มีก็ได้รับคำตอบไปหมดแล้ว

การซักผ้า, ทำความสะอาด, จัดเก็บข้าวของก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่ดี สภาพแวดล้อมที่สะอาดและเป็นระเบียบนั้นจะนำมาซึ่งภาวะทางอารมณ์ที่ดี นี่ก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

...ผ่านมาตั้งครึ่งวันแล้ว แต่ Sucrose กลับไม่สามารถตั้งคำถามอะไรขึ้นมาได้เลย

เบื่อ, ว้าวุ่นใจ ความกังวลเหล่านี้ทำให้เธอไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เลย

Sucrose กระวนกระวายและอยากที่จะทำการวิจัยอะไรก็ได้สักอย่าง เป็นอย่างมาก จะเป็นดอกไม่ในกระถางที่อยู่บนระเบียงนั่นก็ได้ ซึ่งเธอไม่ได้สนใจในผลลัพธ์เลย เพียงแค่อยากที่จะฆ่าเวลาเท่านั้น

แต่ไม่ว่าจะเป็น Small Lamp Grass ที่อยู่ทางซ้าย Sweet Flower ที่อยู่ตรงกลาง หรือดอก Cecilia ที่อยู่ทางขวา ทั้งหมดล้วนถูกเธอวิจัยจนทะลุปรุโปร่งแล้วทั้งสิ้น

ในที่สุด Sucrose ก็ยอมแพ้และบังคับตัวเองให้หลับไป จากนั้นก็รีบไปที่ห้องทดลองตั้งแต่เช้าของวันที่สองเพื่อรายงาน

"ทำการทดลองก็ไม่ได้ คำถามอะไรก็ไม่มีซักอย่าง นี่มันไม่ใช่การพักผ่อนหรอกนะ มันคือการทรมาน!"

เรื่องราวของตัวละคร 5

ความประทับใจ Lv. 6

วัยเด็กของ Sucrose ก็เหมือนกับคนทั่วไปใน Mondstadt มีพ่อแม่ที่น่ารัก มีเพื่อนที่รู้ใจ ทุกอย่างเรียบง่ายและสวยงาม

สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในวัยเด็กของเธอก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์"

มุมหนึ่งของโลกแห่ง Teyvat นั้นเป็นดินแดนที่มนุษย์ยังไม่สามารถเข้าไปได้ ที่นั่นมีดอกไม้สีชมพูที่สูงเท่ากับคนร้อยคน มีภูตจิ๋วบินลอยไปมา แล้วก็มียูนิคอร์นที่แสนจะสวยงามและบริสุทธิ์

เธอกับเพื่อนสนิทสองคนของเธอต่างก็เชื่อว่า ขอเพียงแค่ไปให้ถึง "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" ก็จะได้รับความสุขไปชั่วนิรันดร์

จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอก็ออกเดินทางไกลไปเพื่อผจญภัยกับพ่อแม่ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย

ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นที่บ้าน พ่อของเธอเสียชีวิตด้วยอาการป่วย และอารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็ตัดความสัมพันธ์กับ Sucrose สัญญาที่จะมารวมตัวกันอีกครั้งของทั้งสามคนก็ว่างเปล่าไม่มีความหมายอีกต่อไป

ในตอนนั้น Sucrose รู้สึกอ้างว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่ "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" ก็ยังไม่เคยเห็นเลยแท้ ๆ แล้วพวกเธอทำไมถึงได้...

แม้ว่าในอนาคตจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอก็พยายามที่จะทำบางสิ่งให้กับเพื่อนของเธอ แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่ Sucrose รู้ถึงการมีอยู่ของการเล่นแร่แปรธาตุจากในหนังสือ

แม้ว่าจะยังหาทางเข้าสู่ "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" ไม่เจอ แต่ Sucrose ก็คิดได้ว่าเธอมีโอกาสที่จะเป็น ผู้สร้าง "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" ได้

เธอเริ่มต้นค้นคว้า "การแปรธาตุชีวภาพ" และทุ่มเทความอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้ากับความกระตือรือร้นอันไม่รู้จบของเธอลงไป

อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยเล่าความลับเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนให้ใครได้ฟังเลย

ถ้าทำให้ "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" เป็นจริงขึ้นมาได้ บางทีเพื่อนของเธอก็อาจจะกลับมาก็เป็นได้

Mist Flower โปรเจกต์ที่ 3 เวอร์ชัน 17 การทดสอบการขยาย

ความประทับใจ Lv. 4

สำหรับการคัดเลือกสายพันธุ์บน "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" นั้น Sucrose มีมาตรฐานที่เข้มงวดของตัวเอง โดยผลการทดลองที่เป็นที่น่าพึงพอใจจะถูกตีตราว่า "สำเร็จ"

แต่เดิมเธอต้องการที่จะเลียนแบบเรื่องราวและตั้งชื่อที่โรแมนติกให้กับ ทุก ๆ สายพัน แต่เมื่อถึงเวลาต้องตั้งชื่อ เธอก็พบว่าตัวเองนั้นทำอะไรไม่ได้เสียเลย

เธอผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยเชิงวิชาการมาอย่างยาวนาน แม้จะเพียงแค่เลือกชื่อ แต่เธอก็จะทำตามตรรกะอย่างจริงจัง

ชื่อชุดแรกก็มี "หญ้าดอกไม้" ซึ่งหมายถึง "ดอกไม้ที่เติบโตขึ้นบนหญ้า",

มี "ดอกไม้หญ้า" หมายถึง "หญ้าที่ขึ้นอยู่ใต้ดอกไม้",

มี "ญ้าหญ้าดอกไม่" หมายถึง "ดอกไม้ที่ขึ้นอยู่บนหญ้ามากมาย" ฯลฯ

แม้จะเป็นชื่อที่ขาดความรู้สึกของ "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" อย่างนี้ แต่มันก็ใช้เวลาเป็นร้อยเท่าของการทดลองของเธอ

เธอล้มเลิกการตั้งชื่อ แล้วก็ตั้งชื่อตามรหัสที่อยู่ในบันทึก การทดลองแทน ถึงแม้ว่าจะยาวไปหน่อย แต่ก็...

ยังไงก็เป็นถึงผู้สร้าง "ดินแดนศักดิ์สิทธิ์" นี่นะ จะตั้งชื่ออะไร ก็ขึ้นอยู่กับ Sucrose นั่นแหละ

วิชั่น

ความประทับใจ Lv. 6

Sucrose กับ "วิชั่น" โคจรมาพบกันในช่วงบ่ายวันหนึ่งที่สุดแสนจะธรรมดา

ในเวลานั้นเธอกำลังเทสารละลายสีเขียวที่เตรียมไว้อย่างระมัดระวังลงในหม้อ และเริ่มการทดลองทำอาหารเมล็ดแดนดิไลออนครั้งที่ 159

ทันใดนั้นของเหลวในหม้อก็เดือด จนทำให้ห้องเต็มไปด้วยไอน้ำ Sucrose รีบไปที่หม้อเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง เธอตื่นเต้นมากจนทำให้มือทั้งสอง ข้างโดนหม้อลวก

ช่างน่าผิดหวังที่เมล็ดดอกแดนดิไลออนไหม้เกรียมไปทั้งหมด อย่างไรก็ตามท่ามกลางเมล็ดที่ไหม้เกรียมเหล่านั้นกลับมี "วิชั่น" อันหนึ่งวางอยู่

Sucrose นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ได้เทของในหม้อทิ้งไปเพื่อเก็บ "วิชั่น" ขึ้นมา แต่เธอกลับจุดไฟอีกครั้งและทำการต้มต่อไป

เธออยากจะรู้ว่าเมล็ดดอกแดนดิไลออนกับวิชั่นยังจะสามารถทำให้เกิด ปฏิกิริยาอะไรขึ้นมาได้อีกหรือไม่

น่าเสียดาย หลังจากการทดลองดำเนินไปอีก 3 ชั่วโมง สุดท้ายการทดลองครั้งนี้ก็ยังล้มเหลวอยู่ดี

แต่สิ่งที่ Sucrose ได้รับมานั้นช่างยิ่งใหญ่... "วิชั่น" ได้มอบพลังงานธาตุให้กับเธอ และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในเส้น ทาง "การแปรธาตุชีวภาพ" ของเธอ

นามบัตร[]

Sucrose - Bio-Alchemy
	วิธีการได้รับ: ได้รับเมื่อระดับความประทับใจของ Sucrose ถึง Lv.10
	คำอธิบาย: ก่อนที่ Anemo Hypostasis จะหายไป ถ้าสังเกตให้ดี ๆ ล่ะก็จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส

กลุ่มดาว[]

เควสต์และกิจกรรม[]

เควสต์ระดับตำนาน[]

บทแห่งองค์ชายชอล์กขาว (เควสต์ระดับตำนานของ Albedo)
- ฉากที่ 1: รายงานการสังเกตนักเดินทาง
  - นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เลื่องลือ

กิจกรรม[]

ชอล์กขาวและมังกรดำ
- ฉากที่ 1: ความปรารถนาแห่งดาบ Festering Desire
- ฉากที่ 4: แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
เสียงกระซิบจากดอกไม้
- ฉากที่ 3: เขตแดนแห่งหมอกขาว และสายลม
ฝุ่นธุลีและเงาแห่งหิมะ
- ฉากที่ 1: อดีตของน้ำแข็งและหิมะ