
หน้านี้อาจไม่เป็นระเบียบ, อ้างอิงได้ยาก, มีปัญหากับการจัดรูปแบบหรือเลย์เอาต์, มีข้อมูลที่คลุมเครือ, หรืออื่น ๆ
โปรดช่วยดำเนินการปรับปรุงหน้านี้หากคุณสามารถทำได้
Orobashi no Mikoto (ภาษาญี่ปุ่น: オロバシノミコト) งูยักษ์ Orobashi หรือที่คนกลุ่มหนึ่งเรียกกันว่า Watatsumi Omikami (ภาษาญี่ปุ่น: 海祇大御神; ja_tn: (จอม) เทพเจ้าสมุทร) เป็นอดีตเทพอสรพิษคล้ายมังกรที่ถูกเทพเจ้า Baal ฟันตายบนเกาะ Yashiori ก่อให้เกิดบาดแผลทางธรรมชาติเป็นร่องลึกมุโซจินบนเกาะ หลงเหลือมาจากครั้งที่เทพีอัสนีทรงสำแดงเดชมุโซะ โนะ ฮิโตตาชิ ลงดาบสังหารอสรพิษยักษ์สิ้นใจด้วยน้ำพระหัตถ์พระนางเอง
ซากศพของงูยักษ์โอโรบาชิปัจจุบันเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไปบนเกาะ โดยมีกะโหลกวางอยู่ที่จุดเศียรงู ฤทธิ์พลังอาคมที่งูยักษ์ทิ้งเอาไว้ได้ก่อให้เกิดคำสาปทาทาริกามิ ปรากฎการณ์ประหลาดบนเกาะที่ก่อภัยพิบัติทางธรรมชาติและเปลี่ยนคนดีๆให้เสียสติ
ผู้อาศัยบนหมู่เกาะ Watatsumi ซึ่งนำโดยตระกูล Sangonomiya ต่างบูชางูยักษ์ Orobashi เนื่องจากงูยักษ์สอนให้บรรพบุรุษดำนาและตีดาบหลังจากที่ว่ายไปช้อนขึ้นมาจากทมิฬสมุทร ดังนั้นชาวบ้านประจำเกาะ Watatsumi จึงซาบซึ้งในบุญคุณของงูยักษ์ Orobashi เคารพบูชาเป็นเทพเจ้าปกปักษ์คุ้มครองมาจนถึงทุกวันนี้
เนื้อเรื่อง[]
ประวัติศาสตร์[]
ในช่วงเวลาหนึ่งงูยักษ์โอโรบาชิได้หนีบางสิ่งบางอย่างจากภูมิภาคไม่ระบุชื่อลงไปยังดินแดนสุริยาราตรี Enkanomiya งูยักษ์ได้พบกลุ่มมนุษย์ที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในใจกลางสมุทรและเกิดจิตสงสารขึ้น จึงรับมาไว้เป็นของตัว ให้การช่วยเหลือกำจัดทายาทมังกรทะเล และหักเอาแผ่นปะการังที่งอกออกจากหลังตน อันติดพลังมาจากงูยักษ์ให้สำแดงสร้างเป็นเกาะ Watatsumi เพื่อที่เหล่ามนุษย์จะได้ใช้ชีวิตอยู่เหนือผิวน้ำอีกครา งูยักษ์คอยชี้นำผู้อยู่อาศัยบนเกาะ Watatsumi ให้ทำเกษตรกรรมและตีเหล็ก ส่งผลให้เหล่ามนุษย์ซาบซึ้งในบุญคุณและบูชาสักการะเป็นเทพเจ้า
หลังจากที่สงครามเทพอสูรถึงคราวจบสิ้นลง หมู่เกาะ Inazuma ได้ถูกรวบรวมเป็นปึกแผ่นภายใต้อำนาจของพระนาง Raiden Makoto โดยมีพระขนิษฐาพระนาง Raiden Ei ยืนแฝงเป็นคาเกมูฉะพร้อมสลับตัวกันทุกเมื่อ ในเวลานี้เหล่าพสกนิกรในอินาสึมะต่างพึงพอใจกับสิ่งที่ตนมี ไม่มีใครใคร่แย่งชิงของของใคร มิเช่นนั้นจะถูกพระนางโชกุนอสนีบาตทำลายล้าง
เมื่อชาวเกาะ Narukami ได้พัฒนาพิธีกรรมชำระล้างต้นซากุระศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ผู้กระทำพิธีกรรมต้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากทั้งเทพเกาะ Narukami และ Watatsumi ก่อนถึงจะเริ่มพิธีกรรมได้ ซึ่งสื่อว่างูยักษ์ Orobashi อาจเป็นที่บูชาของมนุษย์บนเกาะอื่นอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง
สงครามเกาะยาชิโอริ และสาเหตุการตาย[]
เป็นเวลาหลายปีที่งูยักษ์ให้ความเคารพพรมแดนระหว่างเกาะ Narukami กับ Watatsumi และปวงประชาราษฎรต่างอยู่กันอย่างเป็นสุข หากทว่าหลายพันปีที่แล้วสันติภาพได้ขาดสะบั้นลงเมื่องูยักษ์เป็นฝ่ายบุกตีก่อนโดยไม่ประกาศล่วงหน้าและก่อสงครามอันเหี้ยมโหดกับประชาชนของพระนางโชกุนอสนีบาต สงครามได้นำพาความสูญเสียอย่างหนักและความทุกข์แสนสาหัสมาสู่ทั้งสองฝ่าย โดยหนึ่งในนั้นเป็นทหารเอกของพระนาง Ei นามว่า Sasayuri
ในตอนปลายสงครามงูยักษ์ได้ถูกสังหารลงโดยพระนาง Ei บนเกาะ Yashiori โดยการใช้ยอดวิชามูโซ โนะ ฮิโตตาชิ ลงดาบกัมปนาทเกิดเป็นช่องแคบขนาดใหญ่ผ่าเกาะทั้งเกาะเป็นสองซีก ซากโครงกระดูกของงูยักษ์ยังคงกระจัดกระจายไปทั่วเกาะมาจนถึงทุกวันนี้ ทหารเอกของ Orobashi นามว่า Touzanno (ต่อมาเป็นที่รู้จักกันว่า Akuou) เองก็ตายไปพร้อมกันด้วยพลังจากเพลงดาบนี้ นางมิโกะศาลเจ้า Mouun จากตระกูล Yuna ได้ถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของ Sasayuri ฆ่าตายขณะพยายามถอนทัพหนี และน้องสาวนามว่า Ayame ได้หายสาบสูญไปในการรบ
แรงอาฆาตตกค้างของงูยักษ์ Orobashi ได้กลายสภาพเป็นคำสาปทาทาริกามิ ซึ่งรัฐบาลโชกุนนำมาประยุกต์ใช้สร้างเป็นโรงหลอม Mikage เมื่องูยักษ์ถูกฆ่าตายไปแล้วได้ส่งผลให้ศาลเจ้าหลักบนเกาะ Watatsumi ถูกทิ้งร้างไร้การดูแล โดยมีการสร้างศาลเจ้าใหม่ไว้ที่จุดอื่นแทน
สาเหตุที่แท้จริงว่างูยักษ์ยกทัพมาโจมตีก่อนทำไมนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ใน Teyvat เนื่องจากคน Sangonomiya มีการเขียนถึงประวัติศาสตร์เป็นลายลักษณ์อักษรอยู่น้อยมาก แต่มีการคาดเดากันว่าชาวเกาะ Watatsumi กำลังเจอภัยอดอยากเข้าเล่นงานและประสบความสำเร็จในการให้ท้ายงูยักษ์ออกไปทำสงครามขยายดินแดน ในความเป็นจริงแล้ว Orobashi ได้ถูก Celestia สั่งให้ไปตายเนื่องจากเผลอตัวไปอ่านหนังสือต้องห้ามชื่ออดีตของตะวันและจันทรา อันเป็นพงศาวดารที่เขียนถึงช่วงเวลาก่อนเทพเจ้าปรากฎ และเป็นข้อพิสูจน์ว่าเทพเจ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมนอกโลก Teyvat ส่งผลให้ Orobashi จำต้องย้ายถิ่นฐานราษฎรของตนขึ้นไปบนผิวน้ำ และก่อสงครามบุกทิศตะวันออกไปยังเกาะ Yashiori เพื่อนำมาเป็นฉากหน้าปิดบังสาเหตุการสังเวยชีวิตตนเอง
มรดกทางประวัติศาสตร์[]
ตามคำกล่าวของหนังสือพงศาวดารซังโกโนมิยะที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักประวัติศาสตร์ของรัฐบาลโชกุนนามว่า Kujou Michizane ราษฎรแห่ง Sangonomiya ต่างก้มหัวยอมรับรัฐบาลโชกุนเป็นผู้ปกครองสูงสุดหลังจากที่จอมอสรพิษถูกสังหารลง อย่างไรก็ตามถึงแม้จะยอมรับอำนาจในการปกครองของพระนางโชกุน ตระกูลซังโกโนมิยะยังคงบูชางูยักษ์เป็นเทพเจ้าต่อไปแทนพระนางโชกุนถึงแม้ว่าพระนางจะฆ่างูยักษ์ตายด้วยพระหัตถ์พระนางเอง
หลังจากที่พระนางโชกุนอสนีบาลทรงมีพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้คำสั่งล่าวิชั่น ตระกูล Sangonomiya ได้ประกาศสงครามปลดแอกกับรัฐบาลโชกุน ซึ่งนำไปสู่การปะทะหลายครั้งตามแนวตะเข็บชายแดนระหว่างกองทัพเกาะ Watatsumi และกองทัพจากสำนัก Tenryou ถึงแม้ว่าฎีกาล่าวิชั่นจะเป็นสาเหตุหลักของสงคราม แต่ภาวะตึงเครียดอันยาวนานระหว่างรัฐบาลโชกุนและชาวเกาะวาทัตสึมิก็ได้เป็นตัวแปรปฎิบัติการของกำลังพลกองทัพ Watatsumi ในระหว่างสงครามอยู่หลายประการด้วยกัน โดยมีกลุ่มบูชางูยักษ์หัวรุนแรงหลงเชื่อคำพูดของสายลับ Fatui นามว่า Nathan เข้าไปก่อวินาศกรรมเสาหลัก Narukami บนเกาะ Yashiori อันเป็นผลให้คำสาปทาทาริกามิรั่วไหลออกมาสร้างความเดือดร้อนและสกัดกั้นการเคลื่อนทัพของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สมเป้าหมายก่อสงครามยืดเยื้อของกลุ่ม Fatui
หลังจากที่แผนการสมคบคิดของกลุ่ม Fatui ถูกทำลายลงหลังจากการประกาศยกเลิกคำสั่งล่าวิชั่น กำลังพลของ Fatui ส่วนใหญ่ได้ทำการถอนทหารออกไปจากเกาะ ยกเว้นจำนวนน้อยที่อยู่ข้างหลังเพื่อจะล้างแค้นการตายของนาง Signora นอกจากนี้ราษฎรของเกาะ Watatsumi บางคนยังคงทำใจยอมรับสัญญาสงบศึกกับรัฐบาลโชกุนได้ยาก เนื่องจากทำให้รู้สึกว่าการเสียสละของงูยักษ์เท่ากับไม่ได้ผลลัพท์อะไรกลับมาเลย