นักรบรุ่นเยาว์แห่งเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อน ผู้ได้รับนามโบราณว่า "Uthabiti" สาวน้อยผู้ใจดีและดื้อรั้น ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางอุปสรรค
—คำอธิบายจากเว็บไซต์ทางการ[1]
อุปนิสัย[]
นักรบรุ่นเยาว์แห่ง Nanatzcayan ผู้ได้รับนามโบราณว่า "Uthabiti" สาวน้อยผู้ใจดีและดื้อรั้น ที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางอุปสรรค
—คำอธิบายจากข้อความหน้าโปรไฟล์ของตัวละครในเกม
(รอการเพิ่มเติม)
ลักษณะรูปร่าง[]
(รอการเพิ่มเติม)
บทแนะนำทางการ[]
จำได้ว่าตอนที่เราเพิ่งรู้จักกัน พอเห็น Kachina ร้องไห้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้เธอ แต่เธอกลับยิ้มแล้วพูดว่า 'ไม่เป็นไร ฉันจะเช็ดน้ำตาของฉันเอง' ประโยคนี้ฉันจำได้ไม่เคยลืม วางใจเถอะน่า ที่จริงแล้ว Kachina เป็นคนเก่งมาก ๆ เลยล่ะ พยายามให้กำลังใจเธอเยอะ ๆ นะ
เช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ ในเผ่า "บุตรแห่งเสียงสะท้อน" Kachina เติบโตมาพร้อมกับ Tepetlisaurus ที่แสนน่ารัก อัญมณีเปล่งประกายที่ขุดมาได้จากส่วนลึกของภูเขา และเรื่องราวของผู้กล้าที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เธอคุ้นเคยกับเส้นทางบนภูเขา และเชี่ยวชาญในการค้นหาแร่ที่ฝังอยู่ใต้พื้นดิน ในยามว่าง เธอกับเด็กคนอื่น ๆ มักจะไปสตูดิโอที่เหล่าศิลปินไปบันทึกเสียงเพลง แล้วเต้นไปตามจังหวะดนตรี แน่นอนว่าการกระทบกระทั่งกันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ Kachina เองก็ร้องไห้เพราะความเจ็บปวดด้วยเช่นกัน แต่ในตอนที่เด็กคนอื่น ๆ ยังไม่ทันหายเจ็บ เธอก็เช็ดน้ำตาออก และลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งแล้ว
แน่นอนว่าในสายตาของผู้ใหญ่แล้ว เธอเป็นเด็กดีคนหนึ่ง แต่ Kachina ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้รับเกียรติให้ใช้นาม "Uthabiti" เธอจำบทกวีที่สืบทอดกันมานานบทนั้นได้...
"ผู้ใดหาญกล้าใช้กระดูกเป็นปราการ ยืนหยัดอย่างมั่นคง จ้องมองดวงตะวัน ผู้นั้นย่อมได้รับการฝากฝังไว้กับความเป็นนิรันดร์"
"ความหวาดกลัวสมควรกลัวเกรงข้า เพราะตัวข้าเปรียบดั่งเปลวเพลิงที่ถูกลิขิตมาให้หลอมละลายผู้ที่ไม่คู่ควร และหล่อหลอมให้เป็นจารึก"
แล้วส่วนไหนในตัวเธอที่เหมาะกับความหมายของความแข็งแกร่ง ที่แฝงอยู่ในนามอันยิ่งใหญ่นี้นะ? Kachina ที่ยังเยาว์วัยยังคงไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อได้รับเกียรตินี้แล้ว ไม่ว่าจะล้มเหลวสักกี่ครั้งใน "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" ก็ตาม Kachina ก็พยายามฮึดสู้ แม้จะถูกเพื่อนร่วมทางกลั่นแกล้ง หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ แม้จะหดหู่ รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย ความรู้สึกด้านลบมากมายเหล่านี้จะกดทับเธอเหมือนโคลนถล่ม แต่ "Uthabiti" Kachina จะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับน้ำตาแน่นอน
เรื่องราวของตัวละคร[]
ข้อมูลตัวละคร
เช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ ในเผ่า "บุตรแห่งเสียงสะท้อน" Kachina เติบโตมาพร้อมกับ Tepetlisaurus ที่แสนน่ารัก อัญมณีเปล่งประกาย ที่ขุดมาจากส่วนลึกของภูเขา และเรื่องราวของผู้กล้า ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
เธอคุ้นเคยกับเส้นทางบนภูเขา และเชี่ยวชาญในการค้นหาแร่ ที่ฝังอยู่ใต้พื้นดิน ในยามว่าง เธอกับเด็กคนอื่น ๆ มักจะไปสตูดิโอที่เหล่าศิลปิน ไปบันทึกเสียงเพลง แล้วเต้นไปตามจังหวะดนตรี
แน่นอนว่าการกระทบกระทั่งกัน เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ Kachina เองก็ร้องไห้เพราะความเจ็บปวดด้วยเช่นกัน แต่ในตอนที่เด็กคนอื่น ๆ ยังไม่ทันหายเจ็บ เธอก็เช็ดน้ำตาออก และลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งแล้ว
ในสายตาของคนรอบข้าง แน่นอนว่าเธอเป็นเด็กดีอยู่แล้ว แต่ Kachina ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่า ทำไมคนธรรมดาอย่างเธอ ถึงได้รับนามโบราณว่า "Uthabiti"
มีส่วนใดในร่างกายของเธอ ที่สอดคล้องกับความยืนหยัด อันยิ่งใหญ่ที่แฝงอยู่ในชื่อนั้นกันนะ? Kachina ไม่อาจเข้าใจได้เลย
แต่ในเมื่อได้รับเกียรติเช่นนี้แล้ว เธอก็มีหน้าที่ต้องเข้าร่วม "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" ยิ่งไปกว่านั้น การคว้าชัยในจาริกกลับมา และได้เป็นผู้กล้าในตำนาน ก็เป็นความปรารถนาของนักรบ Natlan ทุกคน ซึ่งรวมถึง Kachina เองก็เช่นกัน
ถึงแม้จะผ่านความพ่ายแพ้มามากมาย และไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้นที่เสียใจ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ สายตาที่ผิดหวังของเพื่อนร่วมทีม Kachina ยิ่งไม่อาจเงยหน้าขึ้นมองได้เลย แต่เธอจะยังคงเช็ดน้ำตาของตัวเอง และลุกขึ้นยืนหยัดอีกครั้งเสมอ
แต่คนที่พ่ายแพ้ตั้งหลายครั้งอย่างเธอ จะสามารถคว้าชัยชนะใน "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" ได้จริง ๆ เหรอ? เธอที่ต่อสู้อย่างสุดกำลัง รู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ
เรื่องราวของตัวละคร 1
ความประทับใจ Lv. 2
นอกเหนือจากข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นแล้ว ในแบบฟอร์มการลงทะเบียนล่วงหน้าของ "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" ยังมีภาคผนวกที่ต้องกรอกอีกหนึ่งหน้า ซึ่งรวมถึงรายการต่าง ๆ เช่น ความชอบและประสบการณ์ส่วนตัว เดิมทีนั้นออกแบบมา เพื่อความสะดวกในการผลิตสื่อ ของผู้ประชาสัมพันธ์ แต่สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่เป็นที่รู้จักแล้ว แทบไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ ในการรับข้อมูลเลย เพราะข้อมูลของพวกเขา แพร่กระจายไปทั่วทุกที่อยู่แล้ว ภาคผนวกแค่แผ่นเดียวนี้ จึงไม่ค่อยจะมีใครสนใจนัก แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียง Kachina เท่านั้นที่กรอกทุกอย่าง ลงในภาคผนวกอย่างจริงจัง
"งานอดิเรกส่วนตัว: เต้นรำ"
สมาชิกของเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อน ล้วนมีความสามารถในการเต้น ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ชนเผ่าอื่น ๆ ของ Natlan ต่างเชื่อว่าการเต้นรำ เป็นพรสวรรค์ที่อยู่ในสายเลือด ของชนเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อน ตราบใดที่มีเพลงบรรเลงขึ้น ลูกหลานของ Nanatzcayan ก็จะขยับร่างกายโดยไม่รู้ตัว แต่ Kachina ถนัดเรื่องเต้นมากเป็นพิเศษ ตอนเด็ก ๆ เธอสามารถขยับแขนขาของตัวเอง อย่างไม่เคยลนลาน และการเคลื่อนไหว ที่เปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงตามจังหวะ ก็ลื่นไหลราวกับการว่ายน้ำของ Koholasaurus พี่ Pochtli เคยชมเธออยู่หลายครั้ง แต่พี่ Pochtli ไม่ใช่คนที่ชอบเยินยอคนอื่นหรอก ที่จริง Kachina ก็อยากจะเขียนข้อนี้ลงไปด้วย แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป ไม่ใช่เพราะกลัวจะโดนหาว่าไม่มีอะไรจะเขียน แต่เพราะคิดว่าการเขียนแบบนี้ จะดูโอ้อวดตัวเองเกินไปต่างหาก
งานอดิเรกอีกอย่างหนึ่ง เธอลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จรดปากกาลงบนกระดาษ
การขุด
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกเขินอายนั้น ก็เหมือนกับสมาชิกใน เผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อนคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ กิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบมากที่สุดก็คือ การขุดอุโมงค์ไปมา ทุกครั้งที่พบสายแร่ในอุโมงค์อันมืดมิด เธอมักจะรู้สึกถึงความอบอุ่น ที่ไหลผ่านหัวใจเสมอ สมาชิกในเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อนเอง ก็เข้าใจความอบอุ่นนี้เป็นอย่างดี แต่หากจะเขียน "การขุดเหมือง" ลงในรายการงานอดิเรกส่วนตัว ทุกคนก็จะคิดว่าเธอ ไม่มีความเป็นตัวเองเลยน่ะสิ
"ฉันไม่มีจุดเด่นอะไรเลยจริง ๆ" เธอเริ่มอยากจะถอนหายใจ
ข้อต่อไปคือบุคคลใกล้ชิดที่สุด
"พ่อ, แม่, Ayo..." เธอเริ่มเขียนคนในครอบครัวก่อน เป็นอันดับแรก
นอกจากพ่อแม่ที่คอยให้ความรัก และความอบอุ่นกับ Kachina แล้ว เธอยังมีเพื่อนสนิทที่สุดอย่าง Ayo ผู้เป็นคู่หู Tepetlisaurus ของตัวเองด้วย ครั้งแรกที่เธอพยายาม จะทำการขุดตามลำพัง ผู้ที่คอยอยู่เคียงข้างเธอก็คือ Ayo หรือจะเป็นตอนที่ฟังพ่อกับแม่ เล่าเรื่องราวในตำนาน ก็มี Ayo นี่แหละที่คอยก่อกวน และวิ่งไปมาอยู่ด้านหลังของเธอ พอคิดถึงมัน Kachina ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
เธอยังอยากจะเติมชื่ออื่น ๆ ลงไปเพิ่มอีกสักหน่อย อย่างเช่น Mualani ที่คอยส่งยิ้มให้กำลังใจเธอเสมอ หรือ Kinich ที่มักจะยื่นมือเข้ามาช่วย ในเวลาที่เธอตกที่นั่งลำบากเป็นประจำ หรืออย่างน้า Pacal ที่อยู่ในเผ่าก็เช่นกัน... แต่คนมากมายขนาดนี้ คงจะไม่พอเขียนลงในช่องแน่ ๆ เธอจึงได้แต่ล้มเลิกความคิดไป
ในที่สุดเธอก็เขียนเสร็จสักที ตอนที่มอบภาคผนวกนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจมาก ที่เด็กสาวตัวเล็กคนนี้ กรอกแบบฟอร์มทั้งหมด อย่างครบถ้วนทุกบรรทัด
"ที่จริงไม่ต้องกรอกในภาคผนวกก็ได้นะ" เจ้าหน้าที่พูดติดตลก
"ไม่เป็นไร ฉันอยากจะทำทุกอย่างที่ทำได้ อย่างจริงจังที่สุดน่ะ" เธอตอบกลับเช่นนี้
เรื่องราวของตัวละคร 2
ความประทับใจ Lv. 3
ประวัติความเป็นมาของการอยู่ร่วมกัน ระหว่างเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อนกับ Tepetlisaurus นั้นเก่าแก่กว่ารุ่นปู่ของปู่ของ Kachina ซะอีก ผู้คนคุ้นเคยกับการทำงาน และใช้ชีวิตร่วมกับ Tepetlisaurus จนสร้างความสัมพันธ์กลายเป็นคู่หูกัน
ซึ่งนั่นหมายความว่า สำหรับเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อนแล้ว Saurian นั้นไม่ใช่สัตว์ที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์ หรือสัตว์เลี้ยงที่ผูกมัด ตามเจตนารมณ์ของมนุษย์ แต่พวกมันมีสถานะที่เท่าเทียมกับมนุษย์
Tepetlisaurus ส่วนใหญ่ที่ผูกสัมพันธ์กับมนุษย์ ล้วนเกิดจาก ความสมัครใจของตัวเองทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ Ayo และ Kachina
รังของ Tepetlisaurus อยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของ เผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อน และเพราะอาศัยอยู่ใกล้กัน มนุษย์กับ Saurian จึงพบกันได้บ่อยครั้ง ทำให้ทุกคนต่างมองว่า พวกมันเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนม ดังนั้นการพบกันเป็นครั้งคราว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
เคยมีช่วงหนึ่งที่ Kachina วัยเยาว์มักจะพบกับ Tepetlisaurus ตัวน้อยที่แข็งแรงตัวหนึ่ง ตรงทางแยกของบริเวณเหมือง อยู่บ่อยครั้ง Kachina คิดว่าควรจะเอ่ยคำทักทายกับ เพื่อนบ้านที่แสนซื่อสัตย์นี้ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยคำ "สวัสดี" มันในทุกครั้งที่เจอกัน
เมื่อเวลาผ่านไป Tepetlisaurus ตัวน้อยก็ดูเหมือนจะจำเธอได้ และเธอเองก็เริ่มจะพบเจอมันในที่อื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไปฝึกเต้นรำในป่า ตอนที่ไปเก็บ Grainfruit หรือตอนแอบไปงีบหลับอยู่ริมแม่น้ำ พอหลาย ๆ ครั้งเข้า มนุษย์หนึ่งคนกับ Saurian หนึ่งตัวก็ไม่ใช่แค่เอ่ยคำทักทายกันเท่านั้น แต่บางครั้งพวกเขาก็ยัง มอบของขวัญให้กันและกันอีกด้วย
การผูกมิตรกับ Tepetlisaurus ตัวน้อยก็ง่ายดายเช่นนี้ Kachina แทบไม่ต้องพยายาม พิสูจน์คุณค่าของตัวเองให้มันเห็น และไม่จำเป็นต้องให้ค่าตอบแทนพิเศษใด ๆ กับมันเลยด้วยซ้ำ พวกเขาแค่อยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ เหมือนอย่างที่เคยเป็น
จนกระทั่งวันหนึ่ง Tepetlisaurus ตัวน้อยได้ตาม Kachina มาถึงบ้านของเธอ ทำให้ตั้งแต่นั้นมา มันจึงกลายเป็นคู่หูของครอบครัว Kachina ไปโดยปริยาย และ Kachina ก็ได้ตั้งชื่อให้มันว่า "Ayo" ทุกอย่างราบรื่นเป็นธรรมชาติ ราวกับถูกลิขิตเอาไว้ เหมือนกับปลา ที่ถูกกำหนดให้อาศัยอยู่ในน้ำ และนกที่ต้องโบยบินอยู่กลางอากาศ
ตั้งแต่นั้นมา Ayo ก็ยังคงรักและภักดีต่อเพื่อน เหมือนเช่นเคย ไม่เหมือนกับเพื่อน ๆ ที่เติบโตมาพร้อมกับ Kachina พอ Kachina ล้มเหลวใน "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" หลายต่อหลายครั้ง เพื่อนเหล่านั้นก็ไม่ลังเลที่จะไปจากเธอ แถมยังคอยเยาะเย้ยเธออีกด้วย แต่ Ayo กลับยังคงยืนอยู่ข้างกายของ Kachina พร้อมกับเขาแหลมคมของตนอย่างแน่วแน่ โดยที่ไม่เคยหวาดหวั่นต่อสิ่งใดเลย
เรื่องราวของตัวละคร 3
ความประทับใจ Lv. 4
นามโบราณ "Uthabiti" หมายถึงความยืนหยัด ตอนแรก Kachina ไม่ได้คิดว่าตัวเองคู่ควรกับนามโบราณ ที่เปี่ยมไปด้วยเกียรติยศนี้เลย
เมื่อได้อ่านผ้าทอ และรู้ว่าผู้กล้าที่มีนามโบราณนี้เป็นอย่างไร เธอก็ยิ่งสับสนมากกว่าเดิม
พวกเขาบางคนมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคแบบไหน ก็สามารถรักษาความกล้าหาญไว้ได้เสมอ และเป็นที่ชื่นชมของคนรุ่นหลังสืบไป บางคนยังคงรักษาบุคลิกอันสูงส่งเอาไว้ แม้จะอยู่ท่ามกลาง สภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ก็จะคอยปกป้องบ้านของตนเอง และยืนหยัดในหน้าที่ของตน จนกว่าจะหมดลมหายใจ พอย้อนกลับมามองตัวเอง เธอก็รู้สึกว่าตัวเธอนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือน ผู้กล้าของเผ่าผองสรรพสิ่ง และไม่ได้ฉลาดหลักแหลมเหมือน ผู้กล้าของเผ่าวงศ์ปีกบุปผาเลย แม้ว่าจะไม่อยากแสดงท่าที ที่อ่อนแอของตัวเอง แต่เธอมักจะโดนดูถูกและเหยียดหยาม จนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เสมอ
"คนที่แข็งแกร่งจะขี้แยเหมือนฉันมั้ยนะ?"
ตัวเธอยังห่างไกลจากคำว่า แข็งแกร่งอีกมาก หลังจากได้ข้อสรุปนี้แล้ว เธอก็รู้สึกหดหู่ใจอยู่พักหนึ่ง ถึงขั้นที่จมอยู่กับบรรยากาศที่หดหู่อยู่นาน แต่ในไม่ช้า เธอก็ละทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นไป ไม่ใช่เพราะเธอฝึกฝน จนกลายเป็นนักรบที่เก่งกาจแล้ว และไม่ใช่เพราะเข้าใจหลักการ อะไรบางอย่างหรอก ซึ่งทางครอบครัวและเพื่อนฝูง ต่างก็เป็นห่วงเป็นใย และคอยดูแลเธออยู่เสมอ แต่ที่เธอเลือกทำแบบนี้ มันเป็นเพราะความเคยชินมากกว่า
ไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน เธอก็ต้องลุกขึ้นยืนให้ได้ก่อน
ตอนที่ยังเด็ก ๆ ทุกครั้งที่หกล้ม ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ ยังคงร้องไห้ฟูมฟาย Kachina กลับลุกขึ้นยืนขึ้นมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่บาดแผลยังคงเจ็บปวด และน้ำตายังไหลริน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสัญชาตญาณ ของร่างกายทั้งสิ้น แต่จิตใต้สำนึกของเธอบอกว่า ควรจะลุกขึ้นไปดูก้อนหิน ที่ทำให้ตัวเองหกล้มซะก่อน แล้วค่อยกลับมาร้องไห้ต่อ
จนตอนนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอนาคต ที่แทบจะไร้ความหวัง เธอจะรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังมาก หรืออาจเพราะยังเด็กเกินไป ทำให้เธอซ่อนอารมณ์ไม่เก่ง ความคิดแง่ลบทุกอย่าง จึงปรากฏอยู่บนหน้าอย่างชัดเจน แต่ Kachina จะก็ยังคงลุกขึ้นยืน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและสะอึกสะอื้น พร้อมกับตั้งใจฝึกฝน และก้าวไปข้างหน้าต่อไป
เธอมองว่านี่คือการต่อสู้ แต่ถ้าจะใช้คำพูดของน้า Pacal ที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญ และเป็นผู้ใหญ่กว่ามากล่าวละก็:
"แม้ว่ามนุษย์จะอ่อนแอ แต่พวกเขาก็กล้าที่จะ เผชิญหน้ากับโลกที่โหดร้าย ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ จะปรากฏขึ้นระหว่างกระบวนการนี้นี่แหละ"
บางที Kachina อาจจะแข็งแกร่งจริง ๆ ก็ได้
เรื่องราวของตัวละคร 4
ความประทับใจ Lv. 5 •
ศิลาดำใต้ผืนหินผาขาว
หลังกลับมาจาก "อาณาจักรราตรี" ดูเหมือนว่าครอบครัวอื่น ๆ ในเผ่าจะมองครอบครัวของ Kachina เปลี่ยนไป
คนที่ไม่เคยทักทายพวกเขามาก่อน ก็เริ่มจะทักทายครอบครัวของ Kachina เวลาที่พบเจอกัน เมื่อก่อนเวลาเจอกัน ทุกคนจะพูดคุยแค่เรื่อง สภาพอากาศทั่วไปเท่านั้น แต่ตอนนี้ผู้คนเริ่มจะไปมาหาสู่ กับพวกเขามากขึ้นแล้ว
ไม่ว่า Kachina จะอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่ หัวข้อสนทนาของทุกคน ก็มักจะวนมาพูดถึงเธอเข้าจนได้ พวกเขาชื่นชมความกล้าหาญ และความแข็งแกร่งของ Kachina ชมตั้งแต่ Ayo ไปจนถึงใบหูของเธอ ใบหูที่ไม่เหมือนใครคู่นี้ เดิมทีถูกมองว่าเป็นปรากฏการณ์ "กรรมพันธุ์ย้อนรุ่น" ที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Kachina เกิดมาเป็นคนพิเศษ
หลังจากเผชิญกับ ความยากลำบากมามากมาย ในที่สุดเธอก็กลับมาได้สำเร็จ และกลายเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ของความมุ่งมั่นอันแรงกล้า อย่างไม่ต้องสงสัย ความล้มเหลวมากมาย ที่เคยประสบมานับไม่ถ้วนนั้น ถูกมองว่าเป็นร่องรอย ของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และเธอก็จมอยู่ท่ามกลาง เสียงชื่นชมมากมาย
Kachina รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองข้าม ความผิดพลาดและน้ำตาของเธอไป ทั้ง ๆ ที่มันเคยมีอยู่จริง แต่กลับถูกปกปิดไว้ ด้วยแสงแห่งความสำเร็จ
คนอื่นอาจจะลืมความล้มเหลวมากมาย ที่เธอเคยประสบมา แต่ตัวเธอนั้นไม่สามารถลืมมันได้ และเธอก็คิดว่าตัวเอง ไม่ควรจะลืมมันเช่นกัน
Kachina รู้สึกมาตลอดว่า ตัวเองเทียบกับเหล่าผู้กล้า ที่คว้าชัยชนะหลายครั้งพวกนั้นไม่ได้เลย ที่เธอสามารถเอาชนะได้ในครั้งนี้ เป็นเพราะการสนับสนุนของเพื่อน ๆ ลำพังแค่ตัวเธอเอง คงจะไม่มีทางกลายเป็นบุคคลในอุดมคติ ที่อยู่ท่ามกลางเสียงสรรเสริญ ของคนอื่นอย่างกะทันหันแบบนี้ได้หรอก
เธอยังคงเป็น Kachina ที่หลั่งน้ำตาในเวลาหดหู่ใจ เธอยังอยากเป็น Kachina ที่คอยก้าวไปข้างหน้า และพยายามลุกขึ้นยืนต่อไปอยู่เสมอ
"การที่ไม่พ่ายแพ้ถือเป็นสิ่ง ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่การยืนหยัดท่ามกลางดอกไม้ และเสียงปรบมือ ก็อาจเรียกว่าเป็นความแข็งแกร่งเช่นกัน"
ชื่อ "Uthabiti" ในใจของ Kachina นั้น ได้มีคำอธิบายเพิ่มขึ้นอีกบรรทัดหนึ่งแล้ว
เรื่องราวของตัวละคร 5
ความประทับใจ Lv. 6
เด็กทุกคนใน Nanatzcayan ต่างก็เคยได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับแร่ดิบและอัญมณี ซึ่งพ่อแม่ของ Kachina เองก็เคยเล่าเรื่องที่คล้ายกันนี้ ให้เธอฟังก่อนนอนเหมือนกัน
ในตอนที่แร่ดิบยังไม่ถูก เผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อนขุดขึ้นมานั้น มันได้นอนอยู่ลึกลงไปในภูเขาอย่างเงียบ ๆ และหลับใหลพร้อมกับเปลือกหิน และดินโคลน
ตอนแรก มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเอง มีศักยภาพที่จะกลายเป็นอัญมณีได้ มันเพียงอดทนต่อความมืด และความเดียวดายมาเป็นเวลานาน และไม่ได้กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นอัญมณี
"ฉันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาเท่านั้น" มันคิดเช่นนี้
จนกระทั่งลมแรง พัดเอาดินโคลนที่ติดอยู่ออกไป แม่น้ำชะล้างโคลนทรายจนหมดสิ้น และแผ่นดินไหวก็ทำให้ก้อนหินแตกออก เผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อน จึงได้ใช้สิ่วขุดมันออกมา จากส่วนลึกของภูเขา ซึ่งในตอนนั้นมันยังไม่รู้ว่า สิ่งที่เปล่งประกายระยิบระยับนั้น ได้ซ่อนอยู่ภายในหัวใจของตัวมันเอง
เมื่อถูกบดขยี้และขัดเกลา แร่ดิบก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง สิ่วและใบเจียรได้พรากเอา ชิ้นส่วนมากมายของร่างกายมันไป เปลือกแห่งความธรรมดา ถูกกะเทาะออก และลวดลายที่แสดงถึงความขลาดกลัว ได้รับการขัดเกลาจนหมดสิ้น สำหรับเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อนแล้ว กระบวนการนี้ช่างสวยงาม และเต็มไปด้วยความสุข แต่แร่ดิบรู้สึกทำอะไรไม่ถูก มันจึงหลั่งน้ำตา และเอ่ยถามกับสิ่วและใบเจียรว่า:
"ทำไมฉันต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย?"
เพื่อให้เธอเผยแก่นแท้ของอัญมณียังไงล่ะ
แต่คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ถูกเอ่ยออกไป สิ่วและใบเจียรไม่เหมือนกับแร่ดิบนี้ พวกมันได้เข้าร่วมการขัดเกลา มานับครั้งไม่ถ้วน และได้เห็นช่วงเวลาที่อัญมณีมากมาย ส่องประกายเป็นครั้งแรก แต่พวกมันกลับเอาแต่เงียบงัน
จนกระทั่งเมื่อกระบวนการสุดท้ายเสร็จสิ้น ในที่สุดแร่ดิบก็ได้เห็น รูปลักษณ์อัญมณีของตัวเอง จากสายตาของคนอื่น
ขณะที่เดินทาง อยู่ในอาณาจักรราตรีเพียงลำพังนั้น Kachina ก็นึกถึงเรื่องราวนี้ไม่หยุด เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอเอ่ยถาม พ่อกับแม่ว่าเรื่องราวเป็นยังไงต่อ อัญมณีมีหน้าตายังไงกันแน่? แต่ความหนาวเย็นของอาณาจักรราตรี ก็ทำให้ความทรงจำของเธอพร่าเลือน Kachina จำตอนต่อไปของนิทานเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว แต่โชคดีที่ความทรงจำที่มีต่อพ่อแม่ ได้มอบความอบอุ่นให้กับเธอ ทำให้ไฟในจิตวิญญาณของเธอ ยังคงลุกโชนต่อไป เธอตัดสินใจที่จะไม่ถามตัวเองอีกต่อไป ไม่ว่าตัวเองจะเป็นแร่ดิบระดับต่ำ ที่ถูกสิ่วแทะจนแตกออก หรือเป็นอัญมณีที่แฝงไปด้วยความหวัง เธอก็ต้องก้าวต่อไป เพราะมีอีกหลายอย่างที่เธอยังทำไม่สำเร็จ และมีอีกหลายคนที่เธอยังไม่ได้พบเจอ
ทันทีที่กลับสู่แสงแดด เมื่อมองดูนักเดินทางที่ยื่นมือออกมา เธอก็คิดได้ว่า เธอรู้แล้วล่ะว่าอัญมณี ควรมีลักษณะเป็นอย่างไร:
มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง สามารถยืนหยัดได้ แม้ต้องเผชิญกับความสิ้นหวัง
มีความหวังที่ไม่มีวันมอดดับ สามารถส่องสว่างในโลกอันมืดมนได้
ตอนนี้ เธอได้รับชัยชนะจาก "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" และได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เธอถูกมองด้วยสายตาที่ชื่นชม วันที่สามารถสร้างศรัทธา และความกล้าหาญให้กับผู้อื่นได้ ท่านเทพแห่งไฟบอกกับเธอว่า ชื่อ Kachina จะถูกวาดลงบนธง โดยฝีมือของเผ่าจ้าวแห่งลมราตรี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์ผู้กล้าแห่ง Natlan และหลอมรวมเข้ากับกระแสพลัง กลายเป็นตำนานที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย
ในที่สุดน้ำตาและความกล้าหาญ ก็ได้หลอมรวมกลายเป็นอัญมณี ที่ชื่อว่า "Kachina"
ธงแห่ง "Uthabiti"
ความประทับใจ Lv. 4
เรากู่ก้องชื่อของบรรพบุรุษ เราขับขานนามแห่งผู้กล้า
เราบันทึกและสานต่อถ้อยคำของผู้กล้า ที่สืบทอดนามโบราณ "Uthabiti"
ด้ายทองเส้นแรกอุทิศให้กับผู้ถือดาบ ผู้ซึ่งก่อตั้งชื่อนี้เป็นครั้งแรก หญิงสาวที่มีหน้าตาธรรมดา และมีรูปร่างสูงพอ ๆ กับเด็กน้อย
เธอเคยใช้มือทั้งสอง ประคองหน้าผาที่ทับหล่ม และแบกรับผู้คนทั้งเผ่า ไว้บนบ่าของตัวเอง
ความคิดและจิตวิญญาณของเธอ สูงส่งกว่านักรบที่มีร่างกายกำยำที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ Natlan หลายเท่า
ไฟแห่งชีวิตของผู้กล้าคนนี้ มอดดับลงตั้งนานแล้ว แต่เธอยังคงหัวเราะอย่างสุขสันต์ จวบจนวินาทีสุดท้าย และเสียงของเธอยังคงก้องกังวาน ราวกับสายน้ำในแม่น้ำที่ไหลหลาก
แม้ว่าลมหายใจจะหยุดลง หรือหัวใจจะหยุดเต้น แต่ผู้ถักทอยังคงได้ยินเสียงคลื่น ที่ดังออกมาจากร่างอันเหี่ยวเฉาของเธอ และสูญสลายหายไป หลังจากผ่านไปเจ็ดราตรี
ด้ายเงินเส้นที่สองอุทิศให้กับผู้ถือโล่ ผู้ซึ่งยกชื่อนี้กลับมาจากสายน้ำแห่งแนวคิด เขาคือผู้ที่ไม่เคยลดโล่ลงเลยชั่วชีวิต
แม้ร่างกายจะผอมแห้งราวต้นกก แต่ยังคงต่อสู้เคียงข้างโล่มานานหลายปี โดยไม่หวาดหวั่นแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไป
ร่างกายของเขาเงียบสงัดเช่นเดียวกับโล่ แต่จิตวิญญาณกลับก้องคำราม ยามอยู่ในสนามรบ
แม้แต่ขี้เถ้าในโกศของตน ก็ยังคงพยายามแข็งตัว จนในที่สุดก็ทำให้โถแตกสลาย ดังนั้นทุกคนจึงประกาศชัดแจ้งว่า เขาไม่อาจถูกฝังอยู่ในสุสานแคบ ๆ นี้ได้
ท้ายที่สุด ร่างของเขาก็ถูกโปรยลงไปในภูเขา ที่ซึ่งก้อนกรวดและหินปะทะกัน จนสร้างเสียงสะท้อนอันดังสนั่น
ด้ายกกเส้นที่สาม อุทิศให้กับบุคคลนิรนามที่สูญหายไป ท่ามกลางธงหลายชั้นที่ทับซ้อน ประวัติศาสตร์ได้ซ่อน ร่องรอยของพวกเขาเอาไว้
หากไม่มีการเปิดเผยของ Wayob คงจะเป็นเรื่องยากที่เรา จะมองเห็นร่องรอยของคราบน้ำตา และโลหิตที่พวกเขาทิ้งไว้
จุดจบของผู้กล้าได้กลับคืน สู่ความสงบสุขแล้ว เราเฝ้าอธิษฐานจากใจจริงว่า ขอให้พวกเขาถูกเผามลาย สิ้นไปพร้อมกับความสุข และความพอใจของตัวเอง
ด้ายเส้นที่สี่ถักทอขึ้นจากขนของ Saurian อุทิศให้กับผู้ถือหอกที่สร้างชื่อนี้ สู่ฟากนภาของ "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" อีกครั้ง
ในอาณาจักรราตรี เธอร่วมเดินทางไปกับ จิตวิญญาณของผู้กล้าชั่วนิรันดร์ เพื่อข้ามผ่านความมืดมน และคว้าชัยชนะ
หยาดน้ำตาไม่ได้ทำลายความรุ่งโรจน์ของ "Uthabiti" การกลับมาของเธอ เชื่อมโยงกับการเริ่มต้นของยุคใหม่
เรากู่ก้องชื่อของบรรพบุรุษ เราขับขานนามแห่งผู้กล้า
"ผู้ใดหาญกล้าใช้กระดูกเป็นปราการ ยืนหยัดอย่างมั่นคง จ้องมองดวงตะวัน ผู้นั้นย่อมได้รับการฝากฝัง ไว้กับความเป็นนิรันดร์"
"ความหวาดกลัวสมควรกลัวเกรงข้า เพราะตัวข้าเปรียบดั่งเปลวเพลิง ที่ถูกลิขิตมาให้หลอมละลายผู้ที่ไม่คู่ควร และหล่อหลอมให้เป็นจารึก"
วิชั่น
ความประทับใจ Lv. 6
นั่นคือเรื่องราวหลังจาก "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" ครั้งแรกสิ้นสุดลง จาริกครั้งแรกของ Kachina จบลงด้วยความล้มเหลว ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ก่อนเริ่มแข่ง พังทลายลงจนหมดสิ้น ผู้คนต่างสงสัยในความสามารถของเธอ แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้น คือเธอก็เริ่มสงสัยในตัวเอง อย่างหยุดไม่ได้เช่นกัน
บางที Wayob ก็อาจมองคนผิดไปหรือเปล่า? ตัวเธอสามารถ "หลอมละลายผู้ที่ไม่คู่ควร" เหมือนดั่งในมหากาพย์ได้จริงหรือ? หรือบางทีตัวเองอาจเป็นเพียง เด็กน้อยธรรมดา ที่ควรถูกหลอมละลายสิ้นก็ได้
และในขณะนั้นเอง Kachina ก็ได้ค้นพบอีกครั้งว่า การขุดเป็นสิ่งที่มีความหมายกับเธอ
เธอชอบที่จะขุดลึกลงไปในภูเขา เพื่อค้นหาสิ่งของมีค่า แต่คราวนี้เธอไม่ได้ขุด เพื่อค้นหาเป้าหมายบางอย่างอีกต่อไป เธอหยิบสว่านขึ้นมา แล้วมุ่งไปข้างหน้า ราวกับว่าหากทำเช่นนี้ต่อไป ความผิดหวังและความโศกเศร้า จะไม่กัดเซาะลงไปในหัวใจเธอ และกลายเป็นสว่านในมือ ที่เจาะลึกสู่หัวใจของภูเขาแทน
เธอคิดว่าตัวเอง สามารถก้าวเดินต่อไปในความมืดเช่นนี้ และบางครั้งก็ยังขุดเจอของดี ๆ อีกมากมาย มีความสุขกว่าการทนอยู่กับ ความสงสัยและความล้มเหลวซะอีก แต่บนโลกใบนี้ จาริกครั้งนั้นไม่ได้ถูกลบเลือนไป ความล้มเหลวจะค่อย ๆ คืบคลานผ่านไปตามกาลเวลา เป็นร่องรอยที่ไม่อาจลบไปจากร่างของ Kachina ได้ ไม่ว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หรือยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด หากต้องเทียบกันแล้ว อย่างแรกคงจะทุกข์ทรมานมากกว่า เพราะคำว่า "ล้มเหลว" ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หายไปไหน ซึ่งน่าเศร้ายิ่งกว่าการเสียน้ำตา และหยาดเหงื่อใน "จาริกเพลิงศักดิ์สิทธิ์หวนคืน" เสียอีก
ในหมู่ชาว Natlan มีคำกล่าวหนึ่งว่า ชนเผ่าบุตรแห่งเสียงสะท้อน เป็นพวกหัวรั้น ชีวิตของพวกเขาเหมือนกับเขาบนหัว Tepetlisaurus ที่อ่อนนุ่มแต่แหลมคม และพร้อมพุ่งไปข้างหน้าอยู่เสมอ จิตใจของ Kachina ก็คงเป็นเหมือนคำกล่าวเหล่านี้ ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกที่จะหยุดเดิน เธอรู้เพียงว่าต้องก้าวไปข้างหน้าต่อไป
บางทีโชคชะตาอาจลิขิตให้เธอ ไม่สามารถเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ได้ และทำได้เพียง พยายามก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอยังไม่เข้าใจคือ การยืดอกขึ้น พร้อมก้าวไปข้างหน้า และตะโกนด้วยเสียงอันแรงกล้าว่า จะคว้าชัยชนะมาให้ได้นั้น เป็นท่าทางที่เรียกขวัญกำลังใจได้ดีก็จริง แต่การยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด กัดฟันและค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักอึ้ง ก็เป็นท่าทีที่น่าทึ่งเช่นกัน
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดขณะอยู่ในผืนดิน
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็ขุดเจอของที่น่าสนใจบางอย่าง เป็นครั้งคราว
อย่างเช่น วิชั่น
ตอนที่ได้รับวิชั่นของตัวเองนั้น แน่นอนว่าเธอต้องดีใจอยู่แล้ว แต่เธอเคยผ่านความตื่นเต้นแบบนี้ มาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือตอนที่ได้รับนามโบราณ "Uthabiti"
การได้รับการยอมรับจากทวยเทพหรือ Wayob ไม่ได้หมายความว่าเธอ จะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งเธอได้เรียนรู้สิ่งนี้ จากโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว แต่สิ่งที่เธอยังไม่ได้เรียนรู้เลยก็คือ:
ในช่วงที่ตำนานของผู้กล้าเริ่มต้นขึ้น มันไม่ได้โดดเด่นอะไร แถมยังมีสีที่เข้มหม่น คงไม่อาจสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้ แต่แรงจูงใจดั้งเดิมที่จำเป็น ในการบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ได้รับการจุดพลังจนเต็มแล้ว ตราบใดที่ตัวเอกยังคงก้าวต่อไป อนาคตก็จะส่องประกาย เพื่อพวกเขาเสมอ
แต่ผู้คนที่อยู่ในเรื่องราว ไม่มีวันรู้ตอนจบล่วงหน้าได้ ดังนั้น น้ำตาที่ไหลรินขณะมุ่งไปข้างหน้า โดยไม่สนใจอนาคต จึงเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดแล้ว
นามบัตร[]
กลุ่มดาว[]
Ochotona Princeps | ||
---|---|---|
![]() ![]() Kachina |
![]() |
ความหมาย: อเมริกันไพกา |
เควสต์และกิจกรรม[]
เควสต์เทพเจ้า
- บทที่ 5
- ฉากที่ 1: ดอกไม้ผลิบานบนเส้นทางแผดเผา
- None บทสลับฉาก: รวมไฟเป็นหนึ่งเดียว
- ฉากที่ 5: ศังสกานท์คืนวิญญาณอันร้อนแรง
การทดลองใช้ตัวละคร[]
การกล่าวถึงตัวละคร[]
เสียงพากย์ตัวละคร
ตัวละคร | เสียงพากย์ |
---|---|
| |
| |
| |
| |
|
เกร็ดข้อมูล[]
- ในวิดีโอตัวอย่าง: การจุดเพลิง - "นามที่หล่อหลอมด้วยเพลิงโชน" ชื่อของ Kachina, Kinich (ถูกเขียนว่า KNICH) และ Mualani ได้ถูกกราฟิตีลงบนลูกบอลการแข่งขันด้วยอักษร Teyvat
นิรุกติศาสตร์[]
ชื่อในภาษาอื่น[]
ฉายาตัวละคร: ทองแท้รอหลอมประกาย[]
ภาษา | ชื่ออย่างเป็นทางการ | ความหมายที่แท้จริง |
---|---|---|
ไทย | ทองแท้รอหลอมประกาย | |
อังกฤษ | Mottled Gold Yet Unsmelted | — |
จีน (ตัวย่อ) | 斑金矿朴 | |
จีน (ตัวเต็ม) | 斑金礦樸 | |
ญี่ปุ่น | 金の混じる原鉱 | |
เกาหลี | 순수한 금빛 원석 Sunsuhan Geumbit Wonseok | |
สเปน | La Gema de Oro en Bruto | |
ฝรั่งเศส | Or brut moucheté | |
รัสเซีย | Крапчатое самородное золото | |
เวียดนาม | Khoáng Thạch Ánh Vàng | |
เยอรมัน | Gesprenkeltes Rohgold | |
อินโดนีเซีย | Mottled Gold Yet Unsmelted | |
โปรตุเกส | Minério de Ouro Não Fundido | |
ตุรกี | Ebruli Altın Cevheri | |
อิตาลี | Oro screziato allo stato grezzo |
อ้างอิง[]
หน้าอื่น ๆ[]
|