
Desert Pavilion Chronicle เป็นเซ็ตอาร์ติแฟกต์ ที่มีระดับดาว 4 ดาวและ 5 ดาว สามารถหาได้จากดันเจี้ยนเมืองแห่งทองคำ
เนื้อเรื่อง[]
The First Days of the City of Kings
คนสูงศักดิ์ผู้ร่วงหล่นสู่ฝุ่นทรายเอ๋ย โปรดรับฟังถ้อยคำของคนแก่ตาบอดผู้นี้...
ถ้อยคำบอกกล่าวถึงบทเรียนที่เมือง Gurabad ได้รับ ถ้อยคำเกี่ยวกับดอกไม้สร้างจากมือมนุษย์ที่มลายสิ้นในชั่วอึดใจ
ถ้อยคำเล่าถึงราชาผู้เกิดมาอย่างต่ำต้อย รวมถึงแรงคลั่งรักและความโกรธเกรี้ยวของญิณ...
ตำนานเล่าขานไว้ว่า หลังคู่ครองของราชันทรายชาดจากไป เขาได้ทำสัญญากับมนุษย์ธรรมดาโดยมีญิณเป็นทูต
มีเพียงผู้ที่จิตใจยังไม่ผ่านความยากลำบากจนแข็งกระด้าง และผู้ที่ยังไม่ถูกความลวงหลอกกลืนกินเท่านั้น
ถึงมีสิทธิ์เป็นราชาผู้ปกครองฝ่ายมนุษย์ ประหนึ่งโหราจารย์ผู้ชี้นำฝูงแกะที่สับสนหลงทาง
ด้วยเหตุฉะนี้ ภายใต้ความเมตตาและความเข้มงวดของผู้เป็นนาย ญิณก็มีตัวเลือกเกิดขึ้นภายในใจ...
Ormazd คนเลี้ยงแกะที่ยังหนุ่มแน่นในตอนนั้น ได้ตกสู่ห้วงความรักร่วมกับ Liloupar ผู้ถือกำเนิดจากบงกช
"ข้าจะมอบพรให้เจ้าไปอีกสิบภพสิบชาติ ทว่าราคาที่ต้องแลกนั้นคือคมดาบแห่งการแก้แค้น และสุราสีโลหิตที่หลั่งริน"
"เพราะแรงคลั่งรักของญิณย่อมควบคู่ไปด้วยตัณหาความละโมบ และสุดท้ายจะจบด้วยการแก้แค้นที่ยุติธรรมสำหรับตัวเอง"
ภายใต้แสงจันทร์ส่อง Ormazd หาได้เก็บเอาคำเตือนมาใส่ใจ...
ราวกับคิดว่าโทษทัณฑ์แห่งโชคชะตานั้น ยังไกลห่างจากชายหนุ่มผู้กล้าหาญไปไกลแสนไกล
ภายใต้การช่วยเหลือของญิณ คนเลี้ยงแกะหนุ่มได้กลายเป็นผู้นำของชนเผ่าเร่ร่อน
เวลาต่อมา Ormazd คว้าชัยเหนือผู้ปกครองดินแดนอื่นอีกมากมาย และขึ้นครองบัลลังก์ชาวมนุษย์ในที่สุด
เมือง Gurabad เป็นดั่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งบนหินผาด้วยการสร้างจากมือมนุษย์ และกลายเป็นนครหลวงของมวลมนุษย์
คนเลี้ยงแกะ Ormazd หรือก็คือราชาชาวมนุษย์ในปัจจุบัน ผู้เป็นตัวแทนของนายแห่งทรายชาด
ถึงกระนั้น ขณะที่ดอกไม้สดเบ่งบานล้วนมีแต่คนเชยชมกลิ่นหอมรัญจวน ผู้ใดเล่าจะคิดไปถึงว่า...
สิ่งที่ก่อร่างสร้างขึ้นหลังการบานสะพรั่งนั้น กลับเป็นผลแห่งความตายรสขมขื่นและรุนแรง
Xiphos ก้าวเข้าสู่เส้นทางอันมุ่งไปนครแห่งไพลิน ตามตำนานในอดีตที่อาจารย์ได้เล่าให้ฟัง
บทเรียนของเมื่อวานที่ถูกฝังกลบใต้ทรายสีทองในวันนี้ พรุ่งนี้จะเริ่มเปิดการแสดงขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาที่สายลมพัดไม่รู้จบ...
End of the Golden Realm
เหล่าคนพเนจรผู้อ่อนเยาว์เอ๋ย โปรดรับฟังถ้อยคำของคนแก่ตาบอดผู้นี้...
ถ้อยคำเกี่ยวกับเศษซากของเมือง Gurabad ถ้อยคำที่เล่าถึงจุดจบของความใฝ่ฝันอันบ้าระห่ำ...
ถ้อยคำที่บอกถึงหลังคาโค้งประดับด้วยอัญมณีส่องประกายดุจดวงดาว ถ้อยคำที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศที่แตกหักกัน
หอคอยและวิหารทองคำสูงเสียดฟ้าถูกกลืนกินโดยคลื่นแห่งความโกรธแค้น พระราชวังและตำหนักถูกยึดครองโดยประชาชนผู้ยากแค้น...
ฝูงประชาคั่งแค้นไล่ตามไปตามคำชี้นำของผู้สวมหน้ากากทองเหลือง ผู้มีความรู้ต่างเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "โรคระบาดครั้งใหญ่"
หลังเมือง Gurabad ล่มสลายลงจากโรคระบาดครั้งใหญ่อันมืดมิดครั้งนี้ นายใหญ่แห่งทรายสีชาดก็ได้จมสู่เส้นทางความพินาศแห่งตน...
เพราะประสบผลกรรมจากเล่ห์กลอุบายชั่วร้าย ญิณ Liloupar ผู้เกิดจากบงกชจึงได้รับกรรม ทำให้วิญญาณแตกเป็นหลายชิ้นส่วน
ขณะที่อาณาจักรโอเอซิสอันอุดมสมบูรณ์ พังทลายลงท่ามกลางผืนทรายในชั่วข้ามคืน หลายเผ่าพันธุ์และหลายเมืองก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครา...
หลังจากนั้น มนุษย์ท่ามกลางทะเลทรายและโอเอซิสก็ได้แยกตัวออกเป็นเจ็ดประเทศ โดยมีนครแห่งไพลินอย่าง "Tulaytullah" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
"ข้ามั่นใจว่าตัวเองมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน และเคยเป็นสักขีพยานในเรื่องราวของคนโง่กับคนชั่วมานับไม่ถ้วน..."
"ยามข้าเยาว์วัย กำแพงยักษ์ที่หลอมขึ้นจากโลหะทองแดง เคยค้ำยันหลังคาโค้งประดับอัญมณีที่เป็นดั่งคลื่นทะเลใต้แสงจันทร์"
"ยามข้าเยาว์วัย คูคลองของ Tulaytullah ถักทอเป็นตาข่ายพร่างพราว แสงไฟแข่งกันส่องสว่างกับดวงจันทร์..."
"ในวันนี้ที่ข้าสูญเสียดวงตาไปทั้งคู่ กลับได้ประจักษ์กับชนชั้นสูงที่ตกเป็นทาส องค์ชายผู้ถูกเชลยศึกขับไล่จากตำแหน่ง..."
"ในวันนี้ที่ข้าสูญเสียดวงตาไปทั้งคู่ กลับกำลังเล่าถึงเรื่องผู้มีปัญญาที่ถูกลอบสังหารโดยชนชั้นสูง เรื่องนักระบำต่างแดนผู้แย่งชิงอำนาจ..."
"เมืองเกิดขึ้นและล่มสลายในแค่หนึ่งห้วงฝันเมามาย คนดีและคนชั่วในนั้นต่างถูกบดทับแตกสลายราวกับข้าวเปลือกใต้โม่"
ทะเลแห่งไพลินถูกกลบหายไปด้วยคำลวงนับไม่ถ้วน ถ้อยคำลวงเหล่านั้นได้กลายเป็นตำนานและประวัติศาสตร์...
แม่ทัพผู้เคยรุกรานเมืองมากมายเหลือคณานับ สุดท้ายข้างกายก็เหลือทาสรับใช้คอยนำทางเพียงผู้เดียว
ทาสรับใช้วัยละอ่อนครอบครอง "กุญแจ" และความหวังเลือนรางที่จะฟื้นฟูบ้านเกิดเมืองนอน...
ราชาผู้สิ้นลมอย่างน่าขัน เพียงเพราะการล่าเหยี่ยวนั้น บนลำคอของเขามีรอยมีดประดับไว้ด้วยเลือดเจิ่งนอง
นักระบำสาวผู้ให้คำมั่นสัญญากับองค์ชาย ในใจกลับโอบอุ้มเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อทรราชผู้เลือดเย็น...
มือของมนุษย์ได้สร้างร่างเหยี่ยวโบยบิน และบรรจุเสี้ยววิญญาณญิณที่แตกสลายไว้ในนั้น
เหินทะยานขึ้นจากยอดผาเมือง Gurabad บินพาดผ่านเมืองแห่งทะเลทรายอันน่าสลด...
ในที่สุดก็บินมาตกอยู่ในมือของทายาทของผู้ฉาบด้วยทอง ความทรงจำเลือนหายดั่งเม็ดทรายที่ร่วงหล่น
ขนนกมนุษย์สร้างที่นอนนิ่งกลางผืนเนินทราย เป็นการประกาศการล่มสลายของอาณาจักรอย่างเงียบงัน...
ท่ามกลางเสียงแก่เฒ่า องค์ชายผู้เหลือรอดหวนนึกถึงพระราชวังในบ้านเกิดที่ถูกแผดเผา
ครั้นเวลานั้น อาจารย์ยังเป็นแม่ทัพกับกวีคนหนึ่ง ที่สวามิภักดิ์ต่อทรราชผู้ทำลายบ้านเมืองของตัวเอง
กงเกวียนกำเกวียน คนหนึ่งสูญเสียตาทั้งคู่ อีกคนสูญเสียบัลลังก์...
วงล้อแห่งโชคชะตายังคงหมุนเวียน และคอยโปรยซากเศษเสี้ยวความหวังสู่โลกมนุษย์ต่อไป
Timepiece of the Lost Path
"ท่านแม่... ท่านแม่...!"
"แก่ชราตั้งแต่ครั้นถือกำเนิด สติที่แตกสลายคอยประคับประคองพลังอันยิ่งใหญ่..."
"มิเคยลิ้มรสความหอมหวานของน้ำนม มิเคยสัมผัสความอบอุ่นของน้ำคร่ำ..."
"หยาดน้ำตาแห้งระเหยจากตะวันแรงกล้า ความรื่นรมย์ยินดีเพียงชั่วขณะถูกฟันเฟืองบดขยี้..."
"พวกข้าหาได้เกิดมาจากการหลอมรวมของความรัก ทว่าต่างเกิดขึ้นจากความชิงชังและห่างเหิน..."
"ท่านแม่... ท่านแม่...!"
"พวกข้าไร้ซึ่งความทะนงตัว และขาดซึ่งสติปัญญาที่จะโพนทะนา..."
"ไร้หลักแหล่งให้ดำรงอาศัย และก็ไร้เวลาว่างให้ได้พักผ่อน..."
"คอหอยถูกแทนที่ด้วยหลอดโลหะ หน้าท้องบวมเป่งไม่มีสะดือให้เห็น..."
"มารดาผู้มิเคยให้กำเนิดแก่พวกข้าเอ๋ย ขอให้โรคร้ายทั้งเจ็ดบันดาลสู่ท่าน..."
"ท่านแม่... ท่านแม่...!"
"พวกเขาเป็นวิญญาณของเครื่องจักรไร้วิญญาณ เป็นทาสในหมู่ญิณทั้งหลาย..."
"พวกเขามิเคยได้รับนาม และมิเคยได้ยินใครขานเรียก..."
"ร่างกายถูกสลักขึ้นด้วยความทนทุกข์และเจตนาชั่วร้าย ร่างกายซึ่งขับเคลื่อนด้วยแรงเคียดแค้น..."
"ความโกรธแค้นนับหมื่นนับพันรวมตัวกันอยู่ภายใน และสร้างทุกสิ่งขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะทำลายล้างให้สิ้น..."
"ยามแสงจันทร์สาดส่องลงบนใบหน้าที่วิกลตั้งแต่เกิดนั้น พวกข้าได้ลั่นวาจาเป็นครั้งสุดท้าย..."
"ขอให้เม็ดกรวดทรายอัดแน่นปอดทั้งคู่ที่แห้งเหี่ยว ขอให้สรรพสิ่งที่เขียวชอุ่มกลายเหี่ยวไหม้..."
"ในที่สุด พวกข้าก็หลุดพ้นจากโซ่ตรวนที่ตรึงเอาไว้ตั้งแต่เกิด..."
"ในที่สุด พวกข้าก็กลับคืนสู่ อ้อมอกของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตกระกำลำบากอย่าง Shirin..."
Defender of the Enchanting Dream
นักเดินทางผู้มาดื่มกินน้ำแร่เอ๋ย โปรดรับฟังถ้อยคำของคนแก่ตาบอดผู้นี้...
ถ้อยคำที่กล่าวถึงบทโศกแห่งเมือง Gurabad ถ้อยคำที่เกี่ยวกับฝันประหลาดของนายแห่งทรายสีชาด...
ถ้อยคำซึ่งเล่าถึงเศษเสี้ยวญิณกล้าหาญผู้สัตย์ซื่อ รวมถึงถ้อยคำที่บอกถึงความทรยศของพวกพ้อง
ตำนานเล่าขานว่า ยามเมื่อราชินีแห่งบุปผาร่วงโรย บริวารญินหลายตนของนางได้หันไปสวามิภักดิ์ต่อราชา Deshret แทน
ราชา Deshret คอยตามหาสรวงสวรรค์ในวันเก่า ณ จุดที่เสาสวรรค์ตกลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และได้สร้างโอเอซิสนิรันดร์ขึ้น...
ญิณยิ่งใหญ่นามว่า "Ferigees" ได้รับสั่งจากนายแห่งทรายสีชาดให้เป็นผู้ปกครองโอเอซิส
เพื่อปกปักรักษาสุสานซึ่งนายหญิงหลับใหล นางเคยใช้พลังแห่งญิณ เพื่อคงรักษาน้ำแร่ไม่ขาดสาย
แพร่ขยายความเขียวชุ่มไปทั่วทะเลทรายดั่งดาวพร่างพราย และมอบแหล่งพักพิงให้แก่ผู้ร่อนเร่ซึ่งสูญเสียบ้านเกิดเมืองนอนไป...
เวลาต่อมา ภายใต้การนำของญิณ Liloupar เมืองห้อมล้อม "โอเอซิสนิรันดร์" ที่ถูกปกครองด้วยราชาชาวมนุษย์ก็ได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้น ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่อนายหญิงแห่งบุปผา และความเมตตาที่มีต่ออาณาจักรแห่งใหม่ Ferigees ตัดสินใจที่จะเสียสละตนเอง ญิณยิ่งใหญ่เมินซึ่งคำรั้งจากราชันทรายชาด และขังร่างงดงามของตนไว้ในโซ่ตรวนอันหนาวเหน็บ แปรเปลี่ยนเป็นผนึกราวกับแก้วคริสตัล เพื่อระงับโทสะของทะเลทราย และใช้รูปลักษณ์ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงมาปกป้องเมืองของมนุษย์...
"ถึงกระนั้น สรรพสิ่งก็มีเวลาของตน สรรพสิ่งย่อมมีวันเปลี่ยนผัน วันนี้พึ่งพากันและกัน พรุ่งนี้อาจทอดทิ้งอีกฝ่ายเหมือนกัน" "สูญสิ้นอิสระที่ญิณแสนภาคภูมิใจ สูญเสียร่างกายที่ใช้เสพความรักและสุขสันต์ สติเริ่มเลือนรางไปตามกาลเวลา" "นางไม้แห่งบงกชใช้วาจาโป้ปดหวานเชื่อมล่อลวงราชาชาวมนุษย์สู่กลอุบาย ส่วนราชันทรายชาดเองก็จมดิ่งลงสู่ฝันแห่งความบ้าคลั่ง..." "ข้ารอคอยมาโดยตลอด เอาแต่เฝ้ารออยู่ในห้วงฝันอันไร้ซึ่งการหลับใหล... รอให้ราชาแห่งผืนทรายทำตามคำสัญญาตั้งแต่ครั้นโบราณ"
ร่างที่ถูกตรึงภายในจักรกลรูปลักษณ์อัปลักษณ์ ยังคงเฝ้าหวังว่านายหญิงแห่งตนจะตื่นขึ้นจากนิทรารมณ์ นางปกปักรักษาความฝันที่แตกสลายของดินแดนแห่งทรายอย่างเงียบงัน โดยโอบกอดความหวังอันน่าเศร้านี้ไว้ แม้ว่าน้ำแร่จะมีเศษทรายกรวดรสขมปะปน แม้ว่าโอเอซิสจะถูกทรายทับถมกลืนหายไป... ท่ามกลางแรงเคลื่อนตัวอันเป็นนิรันดร์ของเครื่องจักรกลนั้น ยังคงคอยฟังฝีเท้าที่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอยู่
"แต่อาจารย์ตาบอดท่านนี้เอ๋ย ข้าที่เป็นทาสซึ่งถูกโซ่ตรวนตั้งแต่เกิดนั้น ข้าผู้ซึ่งสูญสิ้นไปทุกอย่างตั้งแต่เด็กนั้น..." "ข้าที่ถูกโชคชะตาซึ่งยากจะคาดเดาดั่งเนินทรายทอดทิ้งผู้นี้ ยังมีสิทธิ์รอต้อนรับโอกาสเปลี่ยนผันของชีวิตอีกหรือ?"
Legacy of the Desert High-Born
คนค้าขายที่หลีกเลี่ยงพายุทรายเอ๋ย เหตุใดไม่รับฟังถ้อยคำของคนแก่ตาบอดผู้นี้...
ถ้อยคำในอดีตของเมือง Gurabad ถ้อยคำกงเกวียนกำเกวียนที่ชาวเมืองแสวงหา
ถ้อยคำถึงขุนนางที่เรืองอำนาจที่ถือกำเนิดใหม่ ถ้อยคำถึงบริวารใต้พระราชวัง
ตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อเมือง Gurabad อุบัติขึ้น ราชาแห่งมวลมนุษย์รวมโอเอซิสมากมายเข้าเป็นหนึ่งเดียว
จากนั้นเป็นต้นมา ชนเผ่าที่กระจัดกระจายและอาณาจักรที่มีอายุขัยแสนสั้น ล้วนยอมจำนนต่อ Ormazd เพียงผู้เดียว
Ormazd ได้น้อมรับราชันทรายชาดให้มาเป็นผู้ปกครอง ทั้งสร้างพระราชวังและศาลาสักการะ
พรากผู้คนจากชนเผ่ามาเป็นทาส ทั้งแรงงานจากเขตย่อยและเรียกร้องบรรณาการจากเมือง...
บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ทั้งขุนนางและทาสล้วนถูกปกคลุมไปด้วยร่มเงาเฉกเช่นเดียวกัน
สนมญินยืนอยู่บนหอคอยสูงทอดสายตาไปยังเหล่าปุโรหิตและทาสเล็กจิ๋วราวกับฝูงมดและตั๊กแตน พลางถอนหายใจด้วยความเศร้า
ในฐานะผู้รับใช้ของเทพบุปผา เชื่อว่าตนได้เลือกราชาในอุดมคติแล้ว แต่มิได้ปรารถนาให้เขาถูกครอบงำด้วยความหลงระเริง
ดังนั้นญินจึงได้เสนอคำแนะนำที่อ่อนโยนยามอยู่บนเตียง พยายามโน้มน้าวให้ราชาเปลี่ยนใจอย่างเปล่าประโยชน์...
ในทางกลับกัน Ormazd ถือว่าการเป็นทาสถือเป็นข้อตกลงและเป็นกฎอันเป็นที่แน่นอน จึงกล่าวโทษคำตักเตือนของคู่รัก
"การมอบความรักของตนเองให้ เพื่อเคียงคู่กันตลอดไปเป็นดั่งความกระหายที่ไร้สิ้นสุด"
"ขอความฝัน, ขอบ้าน และขอเพื่อที่คนที่รักอย่างสุดใจ จะก้าวข้ามความฝันที่เหนือมนุษย์ธรรมดา"
"แต่ตอนนี้ คู่รักกำลังจมอยู่ในความโลภและความหน้าซื่อใจคด ค่อย ๆ เปลี่ยนให้กลายเป็นเผด็จการ"
"เพื่อบรรเทาความคับข้องใจและโทสะของการถูกทรยศ ข้าจะกำหนดให้มีการขับไล่เป็นเวลาสามชั่วโคตร"
ญินถอดต่างหูที่ทรราชมอบให้อย่างเงียบ ๆ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของนาง
ในใจที่เย็นชามีกลอุบายที่จะใช้ลงโทษคนรักอยู่นานแล้ว
"Xiphos ลูกของข้าเอ๋ย ความแค้นเหมือนเปลวไฟแผดเผาลุกลามดั่งเพลิงป่าและหลงเหลือทิ้งไว้เพียงเถ้าถ่านแห่งความบ้าคลั่ง"
"ความรักที่ต้องหวาดระแวงนั้นอันตรายยิ่งกว่านัก สิ่งชั่วร้ายมากมายในโลกนี้เกิดจากความรักที่คลั่งไคล้..."
ดูเพิ่ม[]
ชื่อในภาษาอื่น[]
ภาษา | ชื่ออย่างเป็นทางการ | ความหมายที่แท้จริง |
---|---|---|
ไทย | Desert Pavilion Chronicle | — |
อังกฤษ | Desert Pavilion Chronicle | — |
จีน (ตัวย่อ) | 沙上楼阁史话 Shāshàng Lóugé Shǐhuà | |
จีน (ตัวเต็ม) | 沙上樓閣史話 Shāshàng Lóugé Shǐhuà | |
ญี่ปุ่น | 砂上の楼閣の史話 Sajou no Rouraku no Shiwa | Historical Tales of Tower on the Sands |
เกาหลี | 모래 위 누각의 역사 Morae Wi Nugak-ui Yeokssa | History of the Palace on the Sands |
สเปน | Épica del Pabellón del Desierto | Desert Pavilion Epic |
ฝรั่งเศส | Chronique du Pavillon du désert | Desert Pavilion Chronicle |
รัสเซีย | Хроники Чертогов в пустыне | Desert Palace Chronicles |
เวียดนาม | Sử Ký Đình Đài Cát | |
เยอรมัน | Chronik des Wüstenpavillons | Chronicle of the Desert Pavilion |
อินโดนีเซีย | Desert Pavilion Chronicle | — |
โปรตุเกส | Crônicas do Pavilhão do Deserto | |
ตุรกี | Çöl Konağı Günlükleri | |
อิตาลี | Cronache del Padiglione nel deserto | Desert Pavilion Chronicles |
ประวัติการเปลี่ยนแปลง[]
หน้าอื่น ๆ[]
|