Genshin Impact Wiki
Genshin Impact Wiki
ภาพรวมเนื้อเรื่องเสียงพากย์

"The Knave" ผู้บริหารอันดับที่สี่ของ Fatui และ "ท่านพ่อ" ที่เด็ก ๆ ในบ้านแสนอบอุ่นเคารพนับถือ

—คำอธิบายจากเว็บไซต์ทางการ[1]

อุปนิสัย[]

"The Knave" ผู้บริหารอันดับที่สี่ของ Fatui นักการทูตที่เงียบขรึมและเย็นชา และ "ท่านพ่อ" ที่เด็ก ๆ ในบ้านแสนอบอุ่นต่างหวาดกลัวและคอยพึ่งพิง

—คำอธิบายตัวละครภายในเกมและข้อความจากหน้าโพรไฟล์

(รอการเพิ่มเติม)

ลักษณะรูปร่าง[]

(รอการเพิ่มเติม)

บทแนะนำทางการ[]

โชคชะตาไม่เคยมอบความเมตตาให้ใคร มีเพียงผู้ที่ต่อต้านอย่างสุดกำลังเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์ประจันหน้ากับมันได้

—"The Jester" Pierro

จนถึงทุกวันนี้ Arlecchino ก็ยังคงจำค่ำคืนนั้นที่ตนได้รับตำแหน่งผู้บริหารได้

เมื่อก้าวขึ้นบันได เดินผ่านระเบียงทางเดิน สิ่งที่เห็นข้างนอกหน้าต่างนั้นคือหิมะ และน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา

ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดดังหวีดหวิวอยู่ข้างหูเธอ ราวกับเสียงหัวเราะ และคำอำลา...

Arlecchino ดึงสติกลับมา เสียงแว่วในความทรงจำซ้อนทับกับเสียงพูดคุยในความเป็นจริง

เตาผิงในกระท่อมกำลังลุกโชน ความอบอุ่นอันอ่อนโยนแผ่ซ่านไปทั่วห้อง แสงไฟสะท้อนใบหน้าเล็ก ๆ ของเหล่าเด็กน้อยให้กลายเป็นสีแดงปลั่ง รอยยิ้มของพวกเขาช่างใสซื่อบริสุทธิ์ หากมีนักเดินทางที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรหลงเข้ามาในนี้โดยบังเอิญ ก็คงมองว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันที่แม้จะธรรมดา แต่ก็อบอวลไปด้วยความสุขละมั้ง

Arlecchino ยกชาดำร้อนกรุ่นขึ้นมาจิบคำหนึ่ง ทันใดนั้นเองเสียงนาฬิกาก็ดังขึ้น เสียงหัวเราะทั้งมวลเงียบหายในบัดดล แสงไฟไหวระริก เงาจากโคมไฟสั่นไหว สีหน้าของทุกคนในบ้านดูเคร่งขรึมลงทันตา

Arlecchino วางแก้วไว้ที่เดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเรียกชื่อหลายชื่อด้วยเสียงเรียบนิ่ง: "Chapleau เธอกับ Lyney จับคู่กันเอาข้อมูลกลับมา ส่วน Foltz เธอกับ Filliol คอยเฝ้าอยู่ที่บ้าน..."

"รับทราบ 'ท่านพ่อ'" เสียงขานรับอย่างพร้อมเพรียงตอบรับคำสั่งของเธอ โดยไม่ชักช้าแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นไม่นานไฟในเตาผิงก็ดับลง ในบ้านเงียบสงัดไร้เสียงใดอีก มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา อาบไล้น้ำชาที่ค่อย ๆ เย็นชืดลง

เรื่องราวของตัวละคร[]

ข้อมูลตัวละคร

โรงแรม Bouffes d'ete ตั้งอยู่ในย่าน Vasari เป็นอาคารที่สวยงาม มีผนังที่สะอาดเรียบร้อย ประตูหน้าตามันเงา และในทุกวันจะมีเด็กที่สะอาดสะอ้าน และดูดีมีสง่ามาที่นี่เสมอ

ซึ่งที่นี่นั้นแตกต่างจากโรงแรมสวยงามในนครว่าการ Fontaine ที่อื่น ๆ เจ้าของที่จดทะเบียนของโรงแรม Bouffes d'ete ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ และไม่เคยมีใครได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเธอเลย

ชื่อที่ลงนามในเอกสารก็เป็นเพียงแค่ชื่อปลอมเท่านั้น แต่เจ้าของที่แท้จริงกลับเป็นบุคคลอื่น

เมื่อประตูบานใหญ่ถูกปิดลง จะมีเสียงเด็กน้อยกระซิบเจื้อยแจ้วในยามค่ำคืนอันมืดมิด เรียกขานบุคคลหนึ่งว่า "ท่านพ่อ"

เมื่อพูดถึง "ท่านพ่อ" บางคนก็แสดงท่าทีเคารพ บางคนก็รู้สึกหวาดกลัว และบางคนก็มีการแสดงออกที่ซับซ้อน แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีน้ำเสียงที่เคารพนับถือโดยไม่มีข้อยกเว้น

องค์กรที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่นั้นมีชื่อว่า "บ้านแสนอบอุ่น" ซึ่งอยู่ในสังกัดของ Fatui

ที่นี่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าจากทั่วทุกมุมโลก และโรงแรม Bouffes d'ete อันหรูหราก็เป็นเพียงมุมหนึ่งของ "บ้าน" เท่านั้น

ส่วน "ท่านพ่อ" ที่พวกเขาเรียกขานกันนั้น คือผู้นำของบ้านแสนอบอุ่น และเป็นผู้บริหารอันดับที่สี่ของ Fatui คนปัจจุบัน... "The Knave" Arlecchino

ผู้คนทั่วโลกต่างก็ด่าทอและชื่นชมพวก Fatui และผู้บริหารคนนี้ผสมปนเปกันไป แต่สำหรับเด็ก ๆ ในบ้านส่วนใหญ่แล้วนั้น "ท่านพ่อ" เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา

"เพราะมี 'ท่านพ่อ' ทำให้ที่นี่เป็น 'บ้าน' ที่แท้จริง"

เรื่องราวของตัวละคร 1

ความประทับใจ Lv. 2


ทุกคนที่เคยพูดคุยกับ The Knave แทบจะรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นจากเธอ

เธอควบคุมการสนทนาได้อย่างง่ายดายเสมอ เมื่อถูกดวงตาพิเศษคู่นั้นจ้องมอง น้อยคนนักที่จะสามารถซ่อนความลับภายในจิตใจตัวเองได้ โดยไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไป

เธอจัดการเรื่องต่าง ๆ อย่างเด็ดขาดโดยไร้ความปรานี พร้อมทั้งยังหัวเราะ และเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อยเสมอ เพื่อไม่ให้ผู้คนภายหลังได้รับผลกระทบทางจิตใจ

แต่นี่ไม่ใช่จุดที่รับมือยากที่สุดของเธอ "ความไม่รู้" ต่างหากที่เป็นที่มาของความน่ากลัวทั้งหมด

แม้แต่เด็ก ๆ ที่อยู่ด้วยกันตลอด ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่ารู้จักเธอดีพอ อย่างเช่น เธอชอบอะไรหรือเกลียดอะไร หรือเธอคิดอะไรเมื่อมองไปยังทะเล

ในเดือนสิงหาคมของทุกปี เด็ก ๆ จะระดมความคิดกันว่าจะเตรียมอะไร เป็นของขวัญวันเกิดให้เธอดี ซึ่งสีหน้าของเธอตอนได้รับของขวัญ ก็แทบไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

จนกระทั่งปีที่แล้ว Freminet ตกใจจิ้งจกที่ตกลงมาจากเพดาน Lynette ผู้มีสายตาแหลมคมรีบจับ "ผู้บุกรุก" ตัวน้อยนี้ไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมคว้าชามมาครอบมันไว้บนโต๊ะ

The Knave ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน จึงเข้าใจว่าชามและจิ้งจก เป็นของขวัญของปีนี้

วันต่อมา เมื่อ Lyney เข้าไปสรุปรายงานในห้องทำงานของ "ท่านพ่อ" ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ในกล่องเลี้ยงสัตว์บนโต๊ะทำงานของเธอ

อุณหภูมิและความชื้นภายในกล่องมีความพอดี ดูเหมือนว่าจิ้งจกเองก็มีความสุขมากเช่นกัน

"ดูเหมือนว่า 'ท่านพ่อ' จะมีประสบการณ์ ในการเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานนะ"

The Knave ยกถ้วยชาของเธอขึ้น Lyney จึงเบือนสายตาออกจากจิ้งจกทันที แต่เขาจดจำทุกอย่างไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ

เด็ก ๆ ทุกคนมักจะคว้าโอกาสที่จะได้อยู่กับ "ท่านพ่อ" เสมอ

หลังจากนั้น Lyney, Lynette และ Freminet ได้รวบรวมความรู้มากมาย เกี่ยวกับการเลี้ยงจิ้งจก เพื่อหวังว่าครั้งต่อไปที่เจอ "ท่านพ่อ" จะได้หาเรื่องคุยกับเธอมากขึ้น

หลังจากนั้นไม่กี่วัน เมื่อ Lyney ได้เข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง เขาก็พบว่ากล่องเลี้ยงสัตว์นั้นว่างเปล่าแล้ว...

"'ท่านพ่อ' จิ้งจกตัวนั้นล่ะ?"

"มันพยายามเปิดฝากล่องอยู่หลายครั้ง ฉันเลยปล่อยให้มันเป็นอิสระแล้ว ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่นั่นก็เป็นทางเลือกของชีวิตเช่นกัน"

น้ำเสียงของ The Knave ราบเรียบอย่างมาก เมื่อเห็นท่าทีที่สับสนของ Lyney เธอจึงชี้นิ้วไปยังนกที่กำลังด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ตรงขอบหน้าต่าง

"อ๋อ... หลังจากจิ้งจกออกจากกล่องไม่นาน มันก็ไปอยู่ในท้องของนกตัวนั้นแล้ว ดูเหมือนมันยังอยากได้อะไรจากฉันอีกนะ... เธอช่วยไปไล่มันทีสิ"

เรื่องราวของตัวละคร 2

ความประทับใจ Lv. 3


เป็นธรรมชาติที่มนุษย์จะรักสวยรักงาม เด็ก ๆ วัยรุ่นก็เริ่มตระหนักว่าความสวยงามคืออะไร พวกเขาเริ่มแอบสวมใส่เครื่องประดับแบบลับ ๆ หรือใช้กรรไกรมาตัดแต่งซอยผมด้านหน้า

ซึ่ง "ท่านพ่อ" ไม่ได้ถือสาหรือขัดขวางการกบฏเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อยู่แล้ว

แต่ถ้ามีเด็กไม่ยอมถอดสร้อยคอ และทิ้งร่องรอย ขณะทำภารกิจตอนกลางคืนละก็... เรื่องนี้คงต้องให้ "ท่านพ่อ" มาสั่งสอนกันสักหน่อย

Arlecchino เดินเข้าไปในห้องของเด็กคนนั้น พร้อมกับกระเป๋าถือแสนสวยใบหนึ่ง

เด็กสาวรู้ว่าตัวเองทำผิด จึงถอดสร้อยวางไว้บนโต๊ะ และยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีหวาดกลัว

Arlecchino หยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาและเดินไปหาเด็กสาว พร้อมกับสวมมันกลับคืนลงบนคอ ที่เรียบเนียนของเด็กสาว

เธอหยิบปอยผมสีทองยาวสลวยข้างหู ของเด็กสาวขึ้นมา "โอ๊ะ เธอเจาะหูแล้วนี่"

"ท่านพ่อ" หยิบริบบิ้นกำมะหยี่และต่างหูประดับอัญมณี ออกจากกระเป๋าอีกครั้ง พร้อมมัดผมของเด็กสาว แล้วสวมเครื่องประดับราคาแพงให้กับเธอ

เธอจับไหล่ของเด็กสาวแล้วเดินไปที่กระจก เด็กสาวที่สวมเครื่องประดับในกระจกนั้น เปรียบเสมือนดอกกุหลาบอันสูงส่ง แม้ว่าสีหน้าของเธอจะแสดงออกว่า ไม่สบายใจอย่างมาก แต่เธอก็งดงามอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

"เป็นปกติที่พวกเธอจะเริ่มรักสวยรักงามกัน แต่การปล่อยให้ของสวย ๆ งาม ๆ เหล่านี้มากระตุ้นอารมณ์ไร้สาระ และทำให้จิตใจสั่นคลอน ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก"

เด็กสาวเอ่ยขอโทษด้วยความหวาดกลัวว่า "'ท่านพ่อ' ฉันขอโทษ"

เธอเอื้อมมือที่สั่นเทาของตัวเองไปที่ติ่งหู และพยายามถอดเครื่องประดับออกอย่างรีบเร่ง "ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว..."

ใบหน้าที่เรียบเฉยของ "ท่านพ่อ" สะท้อนอยู่ในกระจก และรอยยิ้มของเธอ ก็ดูเหมือนจะไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

"ชู่ว... ไม่ต้องกลัว ผู้คนมักจะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ไม่มี ฉันไม่อยากให้เธอปรุงแต่งความทรงจำ ด้วยความเสียใจในอนาคต"

"สวมไว้เถอะ และเมื่อเธอชินกับมันแล้ว เธอก็จะเข้าใจเองว่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ที่สวยงามมากแค่ไหน มันก็เป็นเพียงของตายที่เย็นยะเยือกเท่านั้น"

"นี่เป็นบทเรียนใหม่... จงทำความเข้าใจว่าอารมณ์ของตัวเอง มาจากไหน ควบคุมและใช้มันให้ถูกต้อง ต้องไม่ปล่อยให้มันครอบงำเรา"

เรื่องราวของตัวละคร 3

ความประทับใจ Lv. 4  •  เมื่อเตาเพลิงดับมอด


ก่อนที่ "ท่านพ่อ" จะเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นมานั้น บ้านแสนอบอุ่นมีสภาพที่แตกต่างจากนี้

The Knave คนก่อนชื่อว่า Crucabena และแน่นอนว่ามีเพียงน้อยคนเท่านั้น ที่จะเรียกชื่อเธอตรง ๆ ซึ่งเด็ก ๆ มักจะเรียกเธอว่า "ท่านแม่"

ดูเหมือนเธอจะเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง เธอมีรอยยิ้มอ่อนหวาน ท่าทีอ่อนโยน และดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเล่าเรื่องราวดี ๆ มากมายให้เด็ก ๆ ฟังอีกด้วย

แต่หากผู้คนที่เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ปกติได้ฟังเรื่องราวที่เธอเล่า ก็อาจจะทำให้ขนหัวลุกได้...

เธอจะนำสิ่งที่โหดร้ายทุกอย่าง ที่ไม่อาจบรรยายได้ มาเรียงร้อยให้สวยงาม ราวกับมันเป็นเทพนิยาย และชักนำให้สมาชิกในบ้านแสนอบอุ่น เข่นฆ่ากันเอง จนกว่าจะได้ "ราชา" ที่แข็งแกร่งที่สุด

แม้จะเรียกตัวเองว่าแม่ แต่เธอไม่เคยเห็นที่นี่เป็น "บ้าน" เลย ความเสียสละมากมายนับไม่ถ้วน เป็นเพียงการทดลองอันแสนอภิรมย์ สำหรับเธอเท่านั้น

...

ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง The Knave และเปลี่ยนชื่อเป็น Arlecchino นั้น เด็กสาวคนนี้เคยมีอีกชื่อหนึ่งว่า: Peruere

เธอเองก็เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ในบ้านแสนอบอุ่น ที่เป็นเด็กกำพร้าไม่รู้ที่มาที่ไป และเป็น "ลูก" ของ "ท่านแม่"

หลายคนรู้ว่า "ท่านแม่" เอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษ และใส่ใจเธอมากกว่า Clervie ที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของ "ท่านแม่" ด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ จวบจนวาระสุดท้าย หลายคนจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใด Peruere ถึงได้ตอบแทนความรักของ "ท่านแม่" ด้วยการลอบสังหารเธอ

การทดลองที่บ้าคลั่งของ Crucabena เกิดขึ้นในที่ห่างไกลผู้คน และน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้

ส่วน Peruere ที่สังหาร Crucabena ก็ถูกตราหน้าด้วยชื่อ "ผู้สังหารท่านแม่" ไม่มีใครได้รู้ความบ้าคลั่งของเธอเลย

...

หลังจากทุกอย่างคลี่คลายแล้ว Peruere ในอดีต หรือ Arlecchino คนปัจจุบันคนนี้ ก็ไม่เคยคิดจะอธิบายอะไรเลย

เธอปล่อยให้ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่ว อีกทั้งยังให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นนักการทูตหรือมือสังหาร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมองให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคู่ต่อสู้ และซ่อนตัวเองไว้ในม่านหมอก

ตอนนี้ สถานที่ที่เธอสังหาร "ท่านแม่" ได้มีป้ายหลุมศพเล็ก ๆ ตั้งอยู่ พร้อมกับคำไว้อาลัย ที่เขียนด้วยลายมือของเธอ

"ฝังกลบแสงอาทิตย์อัสดงไว้ที่แห่งนี้ เพื่อต้อนรับแสงรุ่งอรุณใหม่ที่กำลังมาถึง"

เรื่องราวของตัวละคร 4

ความประทับใจ Lv. 5  •  เมื่อเตาเพลิงดับมอด


เพื่อปกปิดชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง และเผาไหม้ความจริงด้วยเปลวเพลิง Arlecchino มักจะอ้างว่าตัวเองเป็นชาว Fontaine อยู่เสมอ

แต่ความจริงคือ เธอค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถ ควบคุมเปลวไฟประหลาดได้ตั้งแต่เด็ก

ซึ่งใน "บ้าน" ไม่มีใครรู้จักพลังนี้เลย ทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมันมาก แต่สำหรับเธอที่ยังเด็กนั้น นี่ไม่ใช่ความสามารถที่ควรจะโอ้อวดเลย มันเหมือนกับคำสาปที่หยั่งรากลึกมากกว่า

ทุกครั้งที่เธอไม่ระมัดระวัง พลังที่สูญเสียความควบคุม จะกัดกร่อนร่างกายของเธอ ตอนแรกเป็นที่ปลายนิ้ว จากนั้นก็ฝ่ามือ แล้วก็ลามมาต้นแขน...

รอยสีดำนั้นเหมือนกับถ่านที่ถูกเผา เช่นเดียวกับเธอที่คล้ายฟืนที่กำลังลุกไหม้

Arlecchino มีลางสังหรณ์ว่า หากเงาดำนั้นลามขึ้นมาบนไหล่ของเธอ และลงไปยังหัวใจ ก็อาจมี "การเปลี่ยนแปลง" บางอย่างเกิดขึ้นกับการมีชีวิตอยู่ของเธอ

บางที นั่นอาจเป็นช่วงเวลาที่โชคชะตา เปิดเผยตัวตนให้กับเธอก็ได้

...

นอกจากการกัดกร่อนทางร่างกายแล้ว เปลวไฟชนิดนี้ยังนำพาปัญหาต่าง ๆ มาให้เธอด้วย

ผู้คนที่ถูกเปลวไฟเผาไหม้ จะทิ้ง "ภาพมายา" เอาไว้เบื้องหลัง บางครั้งก็เป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำ และบางครั้งก็เป็นสีสันสดใสที่ชวนสับสน

ผู้คนที่แหลกสลายลงในมือของเธอ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และ Arlecchino ก็ได้ยินเสียงร้องต่าง ๆ มากมายทุกรูปแบบ

บางครั้งเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญ และสาปแช่ง ก็ปลุกให้เธอตื่นจากฝัน Arlecchino คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เคยได้สัมผัส กับความฝันอันสวยงาม ที่ควรค่าแก่การจดจำอยู่แล้ว ความฝันของเธอส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวกับ จันทราแดงและแดนรกร้างเท่านั้น

ในโอกาสอันน้อยนิดนั้น บางครั้งภาพมายาเหล่านี้ ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ จนก่อตัวเป็น "บุคคลที่มีจิตสำนึก"

ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะไม่พิเศษเท่า "ภาพมายาของ Clervie" แต่พวกเขาก็ยังคงปรากฏอยู่ข้างกาย Arlecchino และคอยช่วยกำจัดเสียงรบกวนอื่น ๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

เช่นเดียวกับเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกัน บางครั้งก็จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน หรือบางทีก็แยกย้ายกันไปคนละทางเหล่านั้น

Arlecchino จำได้ว่าพวกเขาเคยเป็นใครในตอนมีชีวิต แต่เธอไม่เคยเรียกชื่อของพวกเขาเลย

เรื่องราวของตัวละคร 5

ความประทับใจ Lv. 6


หลังจากได้พบกับราชินี ได้รับเนตรมาร และสืบทอดชื่อ "Arlecchino" แล้ว The Knave ในวัยเยาว์ก็ถูกเรียกพบเป็นการส่วนตัว

สีหน้าของผู้บัญชาการ The Jester ซ่อนอยู่เบื้องหลังหน้ากากครึ่งหน้าของเขา

"ฉันรู้ว่าเธอยังมีความไม่พอใจ และความสงสัยอยู่ เพราะงั้นฉันยินดีจะตอบคำถามเธอห้าข้อ จะเป็นคำถามเกี่ยวกับโลก... หรือตัวเธอเองก็ได้"

"แต่เธอไม่จำเป็นต้อง ถามหาหลักประกันจากฉัน ไม่ต้องถามถึงหลักการเกี่ยวกับ Fatui หรืออุดมคติเกี่ยวกับราชินีหรอก เพราะฉันจะตอบให้ โดยที่ไม่ต้องให้เธอเอ่ยถามอยู่แล้ว"

เมื่อเผชิญหน้ากับ The Jester ที่มีท่าทีเปิดเผยและตรงไปตรงมา Arlecchino ก็ไม่ได้เชื่อใจเขาอย่างเต็มที่

"งั้นฉันก็ขอบอกไว้ก่อน ฉันขอปฏิเสธคำตอบไร้สาระที่ลึกลับซับซ้อน หรือคลุมเครือ และไม่ต้องการคำพูดโกหกปลิ้นปล้อน เหมือนเกมคำศัพท์ใด ๆ ทั้งสิ้น"

"รอบคอบดีนี่ งั้นฉันจะตอบคำถามในใจของเธอให้ก่อนละกัน ว่าทำไมฉันถึงเลือกเธอ และทำไมเธอต้องยอมรับการเลือกของฉัน... 'คนที่ไร้เดียงสาจะยอมตาย เพื่ออุดมคติของตัวเอง ในขณะที่คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะยอมมีชีวิตอยู่เพื่อบรรลุบางสิ่ง'"

...

"คำถามที่สาม จันทราแดงที่ฉันฝันถึงตลอด กับพลังของฉันคืออะไรกันแน่?"

"ฉันเคยรับใช้ราชวงศ์สุดท้าย ของอาณาจักรใต้ดินโบราณที่ชื่อว่า 'สุริยันดำ' และมีราชวงศ์ก่อนหน้าที่ชื่อว่า 'จันทราแดง'... ส่วนความลับเกี่ยวกับตัวเธอ และก่อนที่เธอจะเกิดนั้น... ก็ลองไปซื้อหนังสือที่ชื่อว่า "Hleobranto Innamorato" (Hleobrant ในห้วงรัก) อ่านดูสิ ตอนที่ฉันยังเป็นนักวิชาการ ฉันไม่ค่อยได้อ่านเรื่องราวพวกนี้เท่าไหร่นัก แต่บังเอิญเคยอ่านเรื่องนี้มาพอดีน่ะ ถึงแม้ว่าโครงเรื่องจะแตกต่างออกไปบ้าง แต่รายละเอียดของเนื้อหาสำคัญ ไม่ได้ขาดหายไปเลย"

...

"คำถามที่ห้า ถ้าเรื่องทุกอย่างจบแล้ว ฉันกับคนอื่น ๆ ในบ้านแสนอบอุ่นจะเป็นยังไง?"

"บอกตามตรง ฉันไม่เคยคิดถึงพวกเธอคนใด ในอุดมคติของฉันเลย ฉันแสวงหาเพียงแต่ 'คุณธรรมแห่ง Fatui' เท่านั้น แต่ฉันรับประกันว่า หลังจากที่ราชินีกลับมาเป็น เทพที่รักทุกคนดังเดิมแล้ว ในอุดมคติของเธอ ทุกคนจะได้รับสิ่งที่ปรารถนาแน่นอน"

แม้ว่า "คุณธรรมของ Fatui" จะยังเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เธอก็ตอบรับคำตอบนี้แล้ว ตอนนี้เธอได้ถามคำถามกับ Fatui ครบทั้งห้าข้อแล้ว ม่านหมอกที่บดบังสายตาของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ จางลง

"Arlecchino"

ขณะที่กำลังจะเดินจากไป The Jester ที่อยู่เบื้องหลังก็ตะโกนเรียกชื่อเธอ เธอจึงหันกลับไปอีกครั้ง

"แทนที่จะคิดว่าโลกเป็นอย่างไร เธอควรคิดว่ามัน จะเป็นไปในทิศทางไหนมากกว่านะ"

เธอหันหลังและเดินหน้าต่อไป มีเพียงเสียงฝีเท้าอันห่างไกลเป็นคำตอบ

"Marelle"

ความประทับใจ Lv. 4


เพื่อรักษาความลับ และความปลอดภัยของปฏิบัติการ สมาชิกในบ้านแสนอบอุ่น จึงได้ตั้งรหัสลับขึ้นมามากมาย และหนึ่งในนั้นคือ "Marelle" ซึ่ง The Knave เป็นคนตั้งขึ้นมาด้วยตัวเอง

ความหมายที่แท้จริงของ "Marelle" มาจากเกมชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมของเด็ก ๆ ชาว Fontaine โดยพวกเขาจะใช้ปากกา วาดช่องบนพื้นตามลำดับ หลังจากที่โยนถุงทรายไปในช่องแล้ว ก็ผลัดกันกระโดดเข้าออกตามกติกาที่กำหนด

ไม่รู้ว่าเกมนี้ได้รับความนิยมตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดกติกานี้ขึ้นมา ตอนที่เด็ก ๆ ในบ้านแสนอบอุ่นยังเป็นเด็กนั้น ก็มักจะมีเด็กที่ค่อนข้างโตกว่า มาชวนพวกเขาเล่น "Marelle" อยู่เสมอ

ความทรงจำเกี่ยวกับ "Marelle" ที่มีเสียงกระโดดอันแผ่วเบา และเสียงหัวเราะสดใส มักจะเชื่อมโยงกับฉากสวยงาม ที่ส่องประกายราวกับดวงอาทิตย์เสมอ

เพราะงั้นตอนแรกพวกเด็ก ๆ จึงสงสัยกันมากว่า ในตอนที่ตั้งความหมายของรหัสลับนี้ ทำไมท่านพ่อต้องลังเลระหว่าง "ผ่อนคลาย" กับ "อันตราย" ด้วย

ผู้คนไม่รู้ว่าบ้านแสนอบอุ่นในอดีตนั้น Marelle ไม่ได้เป็นชื่อเกมแต่อย่างใด

ในตอนนั้น เด็ก ๆ ภายใต้การเฝ้ามองของผู้ใหญ่ ต้องค่อย ๆ กระโดดลงบนพื้นทีละช่อง ๆ โดยห้ามออกจากช่อง และห้ามผิดจังหวะ

ไม่ต้องถามถึงบทลงโทษ ของการกระโดดผิดช่องหรอก เพราะด้านนอกช่องนั้นเต็มไปด้วย ใบมีดมากมายที่ชี้ปลายแหลมขึ้น

คนที่ไม่สามารถรักษาความสมดุล คนที่ไม่มีความสามารถที่มากพอ หรือคนที่ทำผิดพลาดเพราะความหวาดกลัว... มีผู้คนมากมายที่ล้มออกไปนอกช่อง และดินที่ชุ่มด้วยสีแดงเข้ม ก็เหมือนกำลังบอกเล่าถึงอดีตอันเจ็บปวด

ทุกคนล้วนแต่ทำหน้าซีดเซียวเมื่อพูดถึงมัน ไม่มีใครเชื่อมโยงถึง "ผ่อนคลาย" เลยด้วยซ้ำ

แต่หลังจากที่ลังเลสักพัก Arlecchino ในตอนนี้ก็เลือกที่จะใช้คำว่า "ผ่อนคลาย" เป็นความหมายของรหัสลับนี้

Marelle ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ "อันตราย" อีกต่อไปแล้ว เมื่อพูดถึงเกมนี้ สิ่งที่จะปรากฏในหัวของทุกคน จะมีแต่รอยยิ้มของกันและกันเท่านั้น

งั้นก็ปล่อยให้ความทรงจำที่ไม่ดี อยู่ภายในใจของเธอก็พอ หากปัดฝุ่นและเช็ดคราบเลือดเหล่านั้นทิ้ง พวกเด็ก ๆ ก็คงจะมองเห็นอนาคตที่กว้างใหญ่กว่านี้ได้

วิชั่น

ความประทับใจ Lv. 6  •  เมื่อเตาเพลิงดับมอด


พลังของ Arlecchino มีแหล่งที่มาที่หลากหลาย

ไฟโลหิตจันทราโบราณ ลุกโชนอยู่ในร่างกายของเธอ สายเลือดอันสูงส่งนั้นเป็นทั้งคำสาป และพรสวรรค์ นี่คือรากฐานแรกของเธอ

ราชินีผู้เปี่ยมด้วยเมตตาได้อภัยต่อบาปในการสังหารท่านแม่ของเธอ และเนตรมารอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ราชินีทรงโปรดปรานเธอ และนั่นก็เป็นครั้งที่สามที่เธอได้รับพลัง

ในระหว่างนั้น เธอเคยได้รับวิชั่นอันหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเธอยังใช้ชื่อ "Peruere" ด้วยซ้ำ

ตอนที่ Clervie ยังมีชีวิตอยู่ Peruere เคยเสนอแผนการลอบสังหาร "ท่านแม่" ให้เธอฟัง แต่บางทีอาจเป็นเพราะขาดความมั่นใจ หรือเพราะสายสัมพันธ์ทางครอบครัว ทำให้ Clervie ไม่ได้ตอบตกลง

เมื่อร่างกายถูกแทงด้วยคมดาบอันเยือกเย็น ชะตากรรมของ Clervie ก็สิ้นสุดลงเช่นกัน อย่างน้อยในเสี้ยววินาทีก่อนสู่ห้วงความตาย เธอก็มีความสุขเพราะได้พบอิสระของตัวเอง

แต่สำหรับ Peruere ที่รอดชีวิตมาได้นั้น ฟันเฟืองแห่งชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นหมุนเท่านั้น

การทดลองเลือก "ราชา" ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ความทะเยอทะยานของ "ท่านแม่" กลับไม่เคยจบสิ้นเลย

Peruere ตัดสินใจเริ่มแผนการที่ถูกระงับเพียงลำพัง

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็คิดถึงความแตกต่างของตัวเองกับ "ท่านแม่" อย่างเงียบ ๆ "ท่านแม่" เป็นผู้สอนศิลปะการต่อสู้กับเธอ และ "ท่านแม่" ก็ยังมองเห็นความแข็งแกร่งในสายเลือดของเธออย่างทะลุปรุโปร่ง

ราชาที่โดดเด่นในหมู่เด็ก ๆ ก็เป็นเพียงลูกนกสำหรับผู้อาวุโสเท่านั้น

แต่เธอไม่เคยยอมแพ้ ต่อความยากลำบากในชีวิต

Peruere ยังคงพัฒนาความสามารถ ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และปล่อยให้ร่างกายของตัวเอง เต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยให้ไฟโลหิตจันทราที่ไม่อาจควบคุมได้ ย้อมแขนของเธอจนกลายเป็นสีดำสนิท

หลังจากนั้น ในคืนหนึ่งที่จันทราสว่างไสว จู่ ๆ วิชั่นอันหนึ่งก็ได้ตกลงมาตรงหน้าของเธอ

วิชั่นทรงกลมโตทับซ้อนกับดวงจันทร์บนฟ้า มันส่องสกาวราวกับหยก และย้อมจันทราอันสุกสกาวให้เป็นสีแดง...

นี่คือสิ่งที่เธอปรารถนาหรือเปล่า? หรือเป็นเพียงผลลัพธ์ของการครุ่นคิดนับร้อย ๆ ครั้งทั้งวันทั้งคืนเท่านั้น?

คำถามนี้ถูกลิขิตไว้ให้ไม่มีคำตอบ และเธอก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับมัน

เธอเพียงซ่อนวิชั่นไว้ใกล้กับหัวใจให้มากที่สุด แล้วนำ "เซอร์ไพรส์" เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปมอบแก่ "ท่านแม่"

ในฐานะผู้บริหารของ Fatui นั้น Arlecchino ไม่เคยก้มหัวให้เทพเจ้าองค์ใด แต่เธอกลับเก็บรักษาวิชั่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพทั้งเจ็ดนี้ ไว้เป็นอย่างดี

เพราะมันเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอ ได้ต่อต้านโชคชะตา และควบคุมอนาคตของตัวเอง

นามบัตร[]

Arlecchino - กฎเกณฑ์
วิธีการได้รับ:
ได้รับเมื่อระดับความประทับใจของ Arlecchino ถึง Lv.10
คำอธิบาย:
"ท่านพ่อ" ได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ให้กับบ้านแสนอบอุ่น ซึ่งบางข้ออาจจะดูไร้ความเมตตา คนที่คุ้นเคยกับเธอดี อาจจะสามารถใช้กฎเหล่านี้ เพื่อวาดภาพอุดมคติที่เธอไม่เคยพูดถึงได้

กลุ่มดาว[]

เควสต์และกิจกรรม[]

เควสต์เทพเจ้า

การทดลองใช้ตัวละคร[]

การกล่าวถึงตัวละคร[]

เรื่องราวของตัวละคร

ตัวละครเรื่องราว

เสียงพากย์ตัวละคร

ตัวละครเสียงพากย์

ชื่อในภาษาอื่น[]

ฉายาตัวละคร: เดือนดับผู้เดียวดาย[]

ภาษาชื่ออย่างเป็นทางการความหมายที่แท้จริง
ไทยเดือนดับผู้เดียวดาย
อังกฤษDire Balemoon
จีน
(ตัวย่อ)
孤暝厄月
Gūmíng Èyuè
Lone, Dim, and Ominous Moon
จีน
(ตัวเต็ม)
孤暝厄月
Gūmíng Èyuè
ญี่ปุ่น暝天の凶月
Meiten no Kyougetsu
The Ominous Moon that Dims the Sky
เกาหลี어둠 재액의
Eodum Sok Jaeaek-ui Dal
The Moon of Calamity in the Darkness
สเปนLa Portadora LunaciagaThe Balemoon Bearer
ฝรั่งเศสLune sinistreSinister Moon
รัสเซียРоковая лунаFatal Moon
เวียดนามVầng Trăng Tai HọaBaneful Moon
เยอรมันUnheil verkündender MondOminous Moon
อินโดนีเซียDire Balemoon
โปรตุเกสLua Solitária da EscuridãoSolitary Moon of Darkness
ตุรกีUğursuz Ayın KaranlığıDarkness of Ominous Moon
อิตาลีMezzaluna di presagi nefastiCrescent Moon of Ominous Omens

อ้างอิง[]

  1. เว็บไซต์ทางการ Genshin Impact: Arlecchino

หน้าอื่น ๆ[]