Genshin Impact Wiki
Genshin Impact Wiki
Advertisement
Genshin Impact Wiki

ตอนที่ I[]

"แดนดิไลออนเอ๋ย จงลอยละล่องไปตามลมสู่ดินแดนไกลโพ้น" เจ้าจิ้งจอกสวดภาวนา
เทพนิยายที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของนายพรานกับสุนัขจิ้งจอก เรื่องราว 11 ตอน - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ได้เริ่มขึ้นแล้ว

"แดนดิไลออนเอ๋ย จงบินไปกับสายลมสู่ดินแดนอันไกลแสนไกลเถิด" เจ้าจิ้งจอกน้อยร่ายคาถา

เขาเป่าดอกแดนดิไลออนให้เมล็ดของมันกระจายไปในอากาศ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น

"ขอให้ความปรารถนาของครูของฉันบินไปถึงเทพแห่งลมด้วยเถิด"

สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านเรา พาเอากลุ่มเมล็ดของดอกแดนดิไลออนให้ลอยไปไกล พวกมันได้ลอยไปพร้อมความหวังและความฝันของฉันหรือเปล่านะ

มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันนะ?

นานมาแล้ว ที่ด้านหลังหมู่บ้านมีป่าอยู่ผืนหนึ่ง ท่ามกลางต้นไม้เหล่านั้นมีทะเลสาบเล็ก ๆ มันใสดุจกระจกของมหาวิหารแห่ง Mondstadt มันโปร่งใสและสะท้อนระยิบระยับยามต้องแสงตะวัน เมื่อแสงสาดส่องผ่านแมกไม้ สะท้อนไปมาราวกับผลึกในอัญมณี ช่างงดงามเหลือเกิน

ในวันนั้นอากาศเย็นสบาย ฉันออกล่าสัตว์อยู่ในป่าและเมื่อเดินมาถึงริมทะเลสาบ แสงสะท้อนจากผิวน้ำก็ทำให้ฉันคิดถึงเด็กสาวที่ฉันเคยตกหลุมรักเมื่อนานมาแล้ว

ฉันจำเธอเลือนลาง ดวงตาของเธอนั้นใสดั่งผิวน้ำ ระยิบระยับดั่งผลึกของอัญมณี ตอนนั้นฉันเหม่อมองไปยังทะเลสาบที่ส่องแสงเป็นประกาย ฉันเดินไปเรื่อยๆโดยลืมไปว่ากำลังออกล่าสัตว์อยู่ รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงเหมือนบางสิ่งบางอย่างเริ่มแข็งตัว มองไปก็เห็น Mist Flower ขึ้นอยู่ริมน้ำอยู่ต้นหนึ่ง มันทำให้ทุกสิ่งที่อยู่รอบๆเป็นน้ำแข็งไปหมด บนริมทะเลสาบนั้นมีจิ้งจอกขาวอยู่ตัวหนึ่ง หางของมันถูกแช่แข็งอยู่ ช่างน่าสงสาร

"ต้องเป็นเพราะมันไม่ทันระวังตัวตอนกินน้ำ แล้วเอาหางไปจุ่มน้ำใกล้ ๆ Mist Flower แน่ ๆ"

Mist Flower เป็นพืชอันตราย ถ้าหากสัมผัสมันจะทำให้เกิดแผลจากความเย็นจัดกัดเอาได้ ถ้าอยากจะเก็บมันก็ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก

เจ้าจิ้งจอกมองเห็นฉันกำลังเดินเข้าไปหา มันก็ตะเกียกตะกายด้วยความหวาดกลัว แต่พอขยับตัวก็ต้องเจ็บจนร้องออกมาเพราะหางยังติดอยู่กับน้ำแข็ง

"โอ้ แบบนี้ฉันคงช่วยมันไม่ได้แน่" ฉันคิดในใจ

"น่าสงสารจริง ๆ แต่ถ้าปล่อยไว้มันก็ต้องอดตายอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นฉันจะหยุดความทรมานของมันแล้วเอากลับบ้านซะดีกว่า"

พอจินตนาการถึงเนื้อจิ้งจอกตุ๋นแสนอร่อยใส่หัวไชเท้าที่ปลูกไว้ แค่นึกถึงเนื้อตุ๋นร้อนๆ ร่างกายก็มีเรี่ยวแรงขึ้นทันที แล้วรอยยิ้มเล็กๆก็ผุดขึ้นบนใบหน้า

ฉันยกธนูล่าสัตว์ขึ้นแล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหามัน

"เจ้าจิ้งจอก อย่าขยับล่ะ"

ตอนที่ II[]

"ใจเย็นๆ อยู่นิ่งๆ นะ" เมื่อเจอเข้ากับนายพราน เจ้าจิ้งจอกที่ติดกับดักของ Mist Flower อยู่จะมีชะตาเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ?
สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ตอนที่ 2

"เจ้าจิ้งจอก อย่าขยับล่ะ"
นั่นคือประโยคที่พ่อของพ่อของฉันเคยบอกเอาไว้ ให้พูดประโยคนี้ขณะที่จะล่าจิ้งจอก แล้วธนูจะไม่สั่น
ตอนที่กำลังจะปล่อยสายธนู เจ้าจิ้งจอกนั่นก็เงยหน้าขึ้นมาประสานตากับฉัน สายตาของมันใสเหมือนกับทะเลสาบ เหมือนกับอัญมณีที่แตกเป็นชิ้นๆ
ในใจของฉันว่าวุ่นเหมือนมีมรสุมอยู่ ลูกธนูที่ง้างยิ่งออกไปก็พลาดไปโดนเข้ากับน้ำแข็งที่เกาะอยู่กับจิ้งจอกจนแตก เจ้าจิ้งจอกยกหางขึ้นมา หันมามองดูหน้าฉันและวิ่งกลับเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อฉันได้สติก็รีบวิ่งตามไป แต่จะมีใครวิ่งได้ไวเท่ากับจิ้งจอกกันล่ะ?
เจ้าจิ้งจอกวิ่งทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงแค่จุดเล็ก ๆ จุดเดี่ยว
"เห้...! อย่า อย่าหนีนะ"
ฉันตะโกนไล่ตามไป แต่ก็ไม่มีเสียงออกมาเท่าไร
แต่พอฉันตะโกนอย่างนั้นเจ้าจิ้งจอกก็ช้าลงมาหน่อย
"รอฉันอยู่งั้นเหรอ?"
ฉันครุ่นคิด
"ถ้าจะวิ่งล่ะก็ จิ้งจอกจะช้าไปกว่าคนได้ยังไง"
จิ้งจอกเป็นสัตว์ที่วิเศษจริง ๆ ขนาด Windrise ที่เป็นที่ราบอย่างนั้นยังสามารถวิ่งหนีจนหายไปจากสายตาได้
ราวกับไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
คิดมาถึงตอนนี้ ฉันก็ยิ่งเชื่อมากขึ้น
"จิ้งจอกขาวตัวนั้นรอฉันอยู่แน่ ๆ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน"
เชื่อในตัวจิ้งจอกและวิ่งไล่ตามไอ้จุดเล็กๆ ขาวๆ นั่นไปตั้งนาน อยู่ๆ ก็มีลมพัดลม
ฉันสั่นไปแป๊บหนึ่งแล้วหันกลับไปมอง
"แปลกละ?"
จุดสีขาวกลับกลายเป็นสองจุด
จากนั้นก็กลายเป็นสามจุด สี่จุด ราวกับสายลมยิ่งพัดจำนวนจุดก็ยิ่งเพิ่ม สุดท้ายก็เยอะจนนับไม่ถูกแล้ว
จากนั้นตาของฉันก็เหมือนมีอะไรลอยมาโดนใส่ ฉันเช็ดมันออกและก็คันพบว่ามันคือเกสรดอกแดนดิไลออนเจ้าจิ้งจอกหายไปตั้งนานแล้วล่ะ
ฉันหัวเราะเยาะตัวเองและก็กลับบ้าน
กินหัวไชเท้าตุ๋นที่ไม่มีเนื้อ ฉันล่ะเกลียดหัวไชเท้าตุ๋นที่ไม่มีเนื้อซะจริงๆ ทำให้รู้สึกหิวมากๆ พอหิวมากๆ ก็หลับไปจนได้
เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากด้านนอก

ตอนที่ III[]

นายพรานผู้ไร้ซึ่งฝืมือ ถูกปลุกด้วยเสียงจากหน้าประตู ใครอยู่ข้างนอกนั่นกันนะ?
เรื่องราวของนายพรานกับสุนัขจิ้งจอกยังดำเนินต่อไป - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ตอนที่ 3

ไล่ไม่ทันจิ้งจอกจนต้องมากินหัวไชเท้าและหลับไปทั้งๆ ที่ท้องหิว เรื่องของจิ้งจอกถ้าไม่ใช่เรื่องหลังจากนั้นฉันก็คงจะลืมไปแล้วล่ะ
ฉันตื่นเพราะได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านนอกตอนกลางดึก
"ถ้าเกิดเป็นหมูป่ามากินหัวไชเท้าฉันล่ะ?"
ฉันกระโดดขึ้นมาและไปที่หน้าประตู สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับเป็นจิ้งจอกสีขาวตัวเล็กๆ ยืนสว่างอยู่ใต้แสงจันทร์ สว่างราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังต้นไม้และลำธาร สว่างจนเป็นประกาย
"ใช่เลย ต้องเป็นจิ้งจอกเมื่อตอนกลางวันแน่ ๆ..."
ฉันนึกในใจถึงดวงตาที่ราวกับอัญมณีในแม่น้ำนั่น ราวกับมองมาที่ฉันจากในใจของฉัน
จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปหามันด้วยมือเปล่าและตาที่ยังสะลืมสะลือ
ครั้งนี้มันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ยืนมองมาที่ฉันเงียบๆ รอให้ฉันเดินเข้าไป
หนึ่งก้าว สองก้าว ใกล้เจ้าจิ้งจอกนั่นเข้าไปเรื่อยๆ และมันก็ดูใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
จนถึงตอนที่ฉันเดินไปถึงมัน อยู่ๆ เจ้าจิ้งจอกนั่นก็เปลี่ยนกลายเป็นคน
เธอทั้งสูงและสง่างาม คอยาวระหง ผิวขาวนวลดั่งไข่มุก ดวงตาเธอเป็นประกายดั่งกะรัตของอัญมณีในผืนน้ำ ในยามราตรีดวงตาของเธอดุจแสงตะวันที่สะท้อนผ่านหยดน้ำค้างบนใบไม้
"ช่างงดงามเหลือเกิน เธอดูเหมือนกับเด็กสาวที่ฉันตกหลุมรักในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ฉันยังจำชื่อของเธอได้เลือนราง แต่ดวงตาคู่นั้นทำให้ฉันมั่นใจว่าใช่เธอแน่นอน"
ฉันคิด
"อย่าบอกนะว่านี่คือเวทมนตร์ของเจ้าจิ้งจอกนั้น"
แต่สิ่งที่แปลกจริง ๆ ก็คือฉันรู้ได้ทันทีเกี่ยวกับ "เจ้าจิ้งจอกสามารถใช้เวทมนตร์ได้" ใช่เลย ตราบใดที่คุณเห็นสายตาคู่นั้นคุณจะเชื่อทุกอย่างเองแหละ
ไม่ว่าจะเวทมนตร์หรือเปลี่ยนจากจิ้งจอกกลายเป็นคน เมื่อเทียบกับดวงตาที่ราวกับอัญมณีนั่นแล้วมันก็ไม่มีความหมายอะไร พวกเราก็ยืนเงียบ ๆ อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์อยู่อย่างนั้นเงียบ ๆ
สุดท้ายเธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา แต่กลับพูดด้วยภาษาอื่น ภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ นี่ก็เป็นเวทมนตร์ของจิ้งจอกงั้นเหรอ?
"ถ้าหากไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันก็คงต้องตายที่ตรงริมทะเลสาบนั่นไปแล้ว"
เธอหยุดคิดสักพักและก็พูดขึ้นมาอีก:
"ถึงการตายอยู่ข้างทะเลสาบที่สวยราวกับอัญมณีอย่างนั้นจะไม่ได้แย่อะไร"
"แต่ว่าพวกเราจิ้งจอกนั้นรู้บุญคุณ ฉันจะต้องตอบแทนคุณอย่างแน่นอน"
เธอโค้งศีรษะคำนับฉัน เส้นผมสีดำยาวไหลลงจากบ่าของเธออย่างกับสายน้ำ

ตอนที่ IV[]

ในค่ำคืนช่วงฤดูร้อน ดอกแดนดิไลออนปลิวว่อนไปตามลมราวพายุหิมะ พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่ห่างกันไปหลายวัน
ภายใต้คำแนะนำของสุนัขจิ้งจอก ท้องทะเลแห่งดอกแดนดิไลออนก็ได้ปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตานักล่า... "สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน" (IV)

หลังจากคืนนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ที่สุนัขจิ้งจอกไม่กลับมาที่นี่อีก
แต่ในช่วงหลายวันนั้น จำนวนของเหยื่อในป่ากลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เหล่านกกระจอกตัวน้อย นกกระเรียนขายาว หมูป่าที่แสนจะใจร้อน...
ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะถดูกาล หรือเป็นรางวัลตอบแทนของสุนัขจิ้งจอก แต่อย่างไรก็ตามในที่สุดก็สามารถกินสตูเนื้อของจริงเป็นอาหารเย็นได้ในช่วงหลายวันนั้น
แต่ว่าสุนัขจิ้งจอกก็ไม่กลับมาอีกเลย
พูดไปก็แปลก แต่ไหนแต่ไรเวลาท้องว่างก็หลับได้อย่างสบาย ๆ แต่พอกินจนอิ่มกลับอดไม่ไหวที่จะคิดถึงผู้หญิงที่เป็นจิ้งจอกแปลงกายมาในคืนนั้น
ดวงตาที่สวยใสราวกับน้ำในแม่น้ำคู่นั้น เมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกนะ?
ในขณะที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น เสียงนแผ่วเบาก็ดังขึ้นที่ด้านนอกของประตู
ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นร่างเล็ก ๆ สีขาวนั่น ฉันจึงกระโดดลงจากเตียงและไปเปิดประตู
ไม่มีดวงตาที่สวยใสราวกับแม่น้ำ ไม่มีหางสีขาวฟูฟ่อง มีเพียงดอกแดนดิไลออนที่ลอยขึ้นอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางแสงจันทร์สีขาวราวกับหิมะที่ลอยอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างเข้ามาในรูจมูกของฉัน
"ฮัด-ฮัดชิ่ว!"
ทันใดนั้นดอกแดนดิไลออนสีขาวฟูก็ปลิวหมุนวนเป็นเกลียว ลอยล่องไปทั่วท้องฟ้าราวกับเป็นพายุหิมะ
ท่ามกลางดอกแดนดิไลออนที่ปลิวว่อนราวกับพายุหิมะ ดวงตาที่เหมือนดั่งอัญมณีคู่นั้นกำลังจ้องมองมาที่ฉัน ราวกับมองเข้าไปในหัวใจของฉัน
ปัดเป้าลมหมุนของดอกแดนดิไลออน ฉันเดินตรงเข้าไปหาสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
สุนัขจิ้งจอกกระดิกหูและสะบัดหางฟูๆ ของมันไปบนพื้นหญ้า จากนั้นก็กลับตัวและวิ่งหายไปในส่วนลึกของป่า
ฉันรีบวิ่งตามไป
ท่ามกลางความมืดในป้านั้น มองเห็นสีขาวนวลปรากฎขึ้นเป็นครั้งคราว
ราวกับแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านใบไม้ หรือ Seelie วิญญาณเซียนเจ้าเล่ห์ที่ย่างก้าวอย่างอ่อนโยน
ด้วยใจที่เชื่อในตัวสุนัขจิ้งจอก ฉันเดินตามมันไปรอบๆ และออกจากป่าอันมืดมิด
ภายใต้แสงจันทร์ เบื้องหน้าของฉันคือทุ่งดอกแดนดิไลออนที่กว้างใหญ่สุดสายตา
ในขณะที่อึ้งจนปากค้างนั้น ก็มีเสียงดังกรอบแกรบอยู่ข้างหลัง
เบาๆ บางๆ ราวกับเสียงเท้าเปล่าของหญิงสาว ที่เหยียบใบสนและใบไม่ที่ร่วงหล่น
สุนัขจิ้งจอกเข้ามาจากข้างหลังฉัน และสายลมยามค่ำคืนก็พัดเอากลิ่นของเธอให้โชยมา... ทั้งชื้นและเย็น พร้อมด้วยกลิ่นหอมปนขมของดอกแดนดิไลออน
มือทั้งสองข้างซึ่งมีนิ้วเรียวยาวและเย็นเฉียบพาดไว้บนไหล่ของฉัน
จากนั้นเธอก็เอนมาที่ข้างหูของฉัน ผมของเธอยาวลงมาคลุมบ่าของฉัน จากนั้นก็ไหลลงไป
ฉันรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจและลมหายใจนแผ่วเบาของเธอที่อยู่ข้างหลัง มันทั้งสงบและทำให้ผ่อนคลาย
"ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีแต่จิ้งจอกเท่านั้น ที่รู้ว่าจะมาได้ยังไง มันคือบ้านของดอกแดนดิไลออน"
"ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะอยู่ที่นี่ และช่วยสอนภาษามนุษย์ให้ลูกของฉัน
"เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ฉันจะสอนเวทมนตร์ของจิ้งจอกให้แก่คุณ"
หูของฉันรู้สึกจั๊กจี้ เหมือนกับถูกดอกแดนดิไลออนซึ่งลอยมากับสายลมยามค่ำคืนที่อ่อนโยนและขึ้น
แปลกจริง ไม่เคยพูดกับเธอเกี่ยวกับเรื่องเวทมนตร์เลยแท้ ๆ แล้วเธอรู้ได้ยังไงกันนะ?
เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ดึงมือฉันขึ้นมา และจูงฉันเข้าไปยังส่วนลึกของทุ่งแดนดิไลออน...
สายลมยามค่ำคืนจากทางใต้ สายลมยามค่ำคืนจากทางเหนือ ต่างพัดให้กลิ่นที่หอมจนขมคอของแดนดิไลออนโชยมา พร้อมกับความทรงจำที่คลุมเครือ
เธอพาฉันวิ่งเล่นไปอย่างนุ่มนวล ท่ามกลางแดนดิไลออนสีขาวที่กระจัดกระจาย ตามวิถีของสุนัขจิ้งจอก จนกระทั่งดวงจันทร์ที่สว่างไสวลอยขึ้นท่ามกลางหมู่ดาว

ตอนที่ V[]

หลังจากยอมรับข้อเสนอของจิ้งจอกแล้ว เขาก็ได้มายังทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกแดนดิไลออน ที่เหยื่อทั้งหลายที่หายไปค่อยๆ มารวมกับที่นั่น
เรื่องราวของนายพรานกับสุนัขจิ้งจอกยังดำเนินต่อไป - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ตอนที่ 5

ท่ามกลางทุ่งดอกแดนดิไลออนอันไร้ขอบเขตและไม่รู้สถานที่ ฉันมองดูเหล่าเมล็ดแดนดิไลออน ลอยล่องไปตามสายลมอันเบาบาง
ก็พลันได้คำตอบของคำถามที่ติดอยู่ในใจฉันมาหลายปี
"ที่พวกจิ้งจอกหนีหายไปตอนโดนพวกนายพรานไล่มา คือที่นี่นี่เอง"
ฉันคิด
"ช่างเป็นที่ที่สวยเหลือเกิน"
แต่เวลาที่ฉันสอนภาษาของเราให้เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยอยู่ หัวใจของฉันมันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน อย่างกับว่ามีสายลมพัดวนอยู่ข้างในตัวฉัน
เมื่อได้พูดคุยและได้มองเข้าไปในดวงตาของเธอ แววตาดั่งอัญมณีที่ทอประกายในทะเลสาบ ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าฉันไม่ได้พูดอยู่กับจิ้งจอก แต่กลับเป็นสาวน้อยที่ฉันหลงรักมาหลายปี
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันจึงรู้สึกเศร้าเมื่อมีเธออยู่ใกล้ ๆ มันรู้สึกเหมือนกับว่าคนที่คุณรักมากนั้นได้มีลูก แม้คุณอาจจะยังคงอยู่ แต่ไม่อาจรู้สึกเหมือนเดิมได้อีกแล้ว แต่หากคำนึงถึงสัญญาเธอมีให้ - หากฉันสอนให้ลูกของเธอพูดภาษาทั่วไปได้สำเร็จล่ะก็...
"เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะบอกความลับเวทมนตร์ของเราให้เธอรู้"
เมื่อได้เห็นเธอสัญญากับฉันไว้อย่างนั้น มันทำให้ฉันมีแรงจูงใจอย่างมาก
ถ้าฉันรู้เวทมนตร์นั่น ฉันจะเปลี่ยนร่างเป็นนกได้ไหมนะ? ฉันจะบินไปได้สูงแค่ไหนกัน? ฉันอาจจะแปลงร่างเป็นปลาลงไปว่ายน้ำใน Musk Reef ที่ฉันไม่เคยไปได้ด้วยไหม
"ฉันจะใช้เวทมนตร์ล่าสัตว์ด้วย" อดตื่นเต้นไม่ได้เลย "จะไม่ต้องทนกินสตูแคร์รอตที่ไม่มีเนื้ออีกต่อไปแล้ว"
ฉันจำไม่ได้แล้ว ว่าฉันอยู่ที่ทุ่งแดนดิไลออนที่เอนไหวไปตามลมมานานแค่ไหน
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวน้อยเรียนรู้ได้รวดเร็ว เพราะฉันไม่ได้สอนแค่ภาษาให้เขา แต่ฉันสอนทุกอย่างไปพร้อมกันด้วย ทั้งเรื่องการคำนวณเลข ปลูกหัวไชเท้า เปลี่ยนหน้าต่าง และลับมีด
เราได้คุยกันระหว่างพัก
"ทำไมเธอต้องเรียนภาษามนุษย์ด้วยล่ะ?"
เขาตอบอย่างแทบจะทันที
"เพราะฉันจะได้หาเพื่อนที่เป็นมนุษย์ได้ไงล่ะ"
ฉันจึงถามต่อไปว่า
"แล้วทำไมเธอถึงอยากเป็นเพื่อนกับมนุษย์ล่ะ?"
เขาลดสายตาลง

ตอนที่ VI[]

"ทำไมเธอต้องฝึกภาษามนุษย์ละ" "เพราะฉันอยากเป็นเพื่อนกับมนุษย์ได้ในตอนที่ฉันได้เป็นแล้ว"
เสียงเล็กๆ ดั่งเด็กน้อยได้พูดขึ้นท่ามกลางทุ่งแดนดิไลออน - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ตอนที่ 6

"ทำไมเธอต้องเรียนภาษามนุษย์ด้วยล่ะ?"
ครั้งหนึ่งฉันเคยถามเจ้าจิ้งจอกน้อยด้วยคำถามนี้
เขาตอบฉันอย่างเบิกบานด้วยภาษามนุษย์
"เพราะฉันจะได้หาเพื่อนที่เป็นมนุษย์ได้ไงล่ะ"
"แล้วทำไมเธอถึงอยากเป็นเพื่อนกับมนุษย์ล่ะ?"
เมื่อได้ยินคำถามที่ชวนเศร้านั้น เขาพลันลดสายตาลง
"ฉันเคยเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งในป่าที่อยู่ไกลออกไป"
"เขาแต่งชุดสีเทา ๆ เขามีท่าทางและสายตาที่เหมือนกับหมาป่า" เขาตอบกลับมา
"ตอนนั้นฉันเพิ่งจะได้เรียนรู้เวทมนตร์ ฉันจึงวิ่งเท้าเปล่าไปด้วยความตื่นเต้น การวิ่งไปบนพื้นหญ้าสนุกเหลือเกิน! แต่ด้วยความสูงที่ต่างกันของร่างจิ้งจอกกับมนุษย์ ทำให้ฉันเห็นหรือได้กลิ่นไม่เหมือนที่เคย"
"ครูคงรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป? ใช่แล้วล่ะ พอรู้ตัวอีกที ฉันก็หลงทางซะแล้ว"
เขาเล่าด้วยน้ำเสียงอันสับสน
สุดท้ายเขาเล่าว่าได้เดินไปเรื่อยๆ จนไปพบกับมอนสเตอร์ที่ดุร้ายในป่าที่ห่างไกลออกไป
ในช่วงที่เขาคิดว่าคงไม่รอดแล้ว ก็มีเด็กชายผมสีเทา กระโจนออกมาจากแมกไม้ แล้วไล่มอนสเตอร์ตัวนั้นไป และหายตัวไปในป่าลึกโดยไม่พูดอะไรสักคำ
"หากฉันเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ และพูดภาษามนุษย์ได้ ฉันก็จะได้ไปหาเขาและเป็นเพื่อนกับเขาได้"
น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความยินดี
พอได้ยินดังนั้น ฉันจึงอดถามเขากลับไปไม่ได้
"แล้วฉัน ไม่ใช่เพื่อนของเธอเหรอ?"
เจ้าตัวน้อยตอบกลับมาด้วยภาษาที่ฉันสอนด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
"แม่บอกว่าคุณเป็นคุณครู ฉันเป็นนักเรียน เราไม่เกี่ยวข้องกันแบบนั้น แต่ถ้าฉันบอกคุณแบบนั้นไป ก็จะทำให้คุณเสียใจ"
เขาเอียงหัวด้วยความสงสัย หางที่ฟูฟ่องปัดไปมาจนดอกแดนด์ไลออนรอบๆ กระจายไปทั่ว ในขณะที่ครุ่นคิดในคำถามที่ยากสำหรับเขา
"ฉันรู้แล้ว!"
เขาโพล่งออกมา
"ถ้าฉันรู้เรื่องที่คุณไม่รู้ แปลว่าฉันก็จะเป็นคุณครูของคุณเหมือนกัน"
"ถ้าเราก็เป็นคุณครูให้กันเอง ก็แปลว่าเราจะเหมือนกันแล้ว"
แม้เขาจะไม่ชำนาญภาษาที่ใช้อยู่ แต่ก็พยายามพูดโดยไม่ติดขัดเลย
"คุณครู ขอให้ฉันสอนเวทมนตร์ที่มีแต่ฉันที่รู้ก็แล้วกันนะ"

ตอนที่ VII[]

"แดนดิไลออนเอ๋ย จงลอยละล่องไปตามลมสู่ดินแดนไกลโพ้น" เจ้าจิ้งจอกสวดภาวนา
นายพรานจะเรียนรู้เวทมนตร์ที่ทำให้ความหวังของเขาเป็นจริงได้สำเร็จหรือไม่นะ? - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ตอนที่ 7

"คุณครู ขอให้ฉันสอนเวทมนตร์ที่มีแต่ฉันที่รู้ก็แล้วกันนะ"
แม้เขาจะไม่ชำนาญภาษาที่ใช้อยู่ แต่เพื่อเป็นเพื่อนกับฉัน ก็เลยพยายามพูดโดยไม่ติดขัดเลย
เขาเด็ดดอกแดนดิไลออนออกมาหนึ่งดอก
"แดนดิไลออนเอ๋ย จงบินไปในสายลม สู่ดินแดนอันห่างไกลเถิด"
เจ้าจิ้งจอกน้อยร่ายคาถา
เขาเป่าดอกแดนดิไลออน ทำเมล็ดของดอกนั้นกระจายไปในอากาศ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา
"ทำแบบนี้แล้ว ความปรารถนาของคุณก็จะบินไปถึงเทพแห่งลมได้"
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านเรา พาเอากลุ่มเมล็ดของดอกแดนดิไลออนให้ลอยไปไกล
"เห็นไหม! เทพแห่งลมตอบรับคำขอของฉันแล้ว"
น้ำเสียงเขาช่างดูตื่นเต้นดีใจ
"เธอขออะไรไปเหรอ?"
"ฉันขอให้ได้เป็นเพื่อนกับคุณครู"
เขาก้มหัวลงอย่างทันที
"คุณคงเหนื่อยมากที่ต้องสอนให้เขาพูดภาษาเดียวกับคุณ โครงสร้างปากของเราไม่เหมือนกันด้วยซ้ำ ต้องขอบคุณในความพยายามของคุณนะ"
แม่สุนัขจิ้งจอกเข้ามาใกล้ก่อนที่เราจะทันรู้ตัว ดวงตาของเธอลึกล้ำอย่างกับทะเลสาบที่ไร้ก้นบี้ง สายตานั้นทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยหลบไปซ่อนตัวในดงแดนดิไลออนอย่างเงียบ ๆ
"เมื่อเขาเรียนรู้ภาษาได้สมบูรณ์แล้ว"
ฉันคิด
"เมื่อเขาเรียนรู้ภาษาได้สมบูรณ์แล้ว"
เธอพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

ตอนที่ VIII[]

"เมื่อเขาเรียนรู้ภาษาได้สมบูณ์แล้ว..." เสียงของสุนัขจิ้งจอกถูกพัดไปกับสายลมโชยอ่อนยามค่ำคืน และพัดไปไกลออกไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเมล็ดดอกแดนดิไลออน...
สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ต่างจากมนุษย์ มันจึงมีความสุขและความเศร้าที่ไม่เหมือนมนุษย์... สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน (VIII)

"เมื่อเขาเรียนรู้ภาษาได้สมบูรณ์แล้ว"
เธอพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
จ้องมองดูใบหน้าของเธอ แล้วก็เหม่อลอย
จากนั้นเธอก็พูดอะไรมาซักอย่าง ซึ่งฉันได้ยินไม่ช้ด สายลมอันแสนซนที่มาพร้อมกับแดนดิไลออนนั้น ได้กลบเสียงของเธอไปจนหมด
หรืออาจจะเป็นภาษาดั้งเดิมของเธอ ภาษาแห่งสายลมและดอกแดนดิไลออน?
จากนั้น เธอมองดูความงุ่มง่ามของฉัน แล้วก็หัวเราะออกมา
รอยยิ้มของเธอนั้นช่างงดงาม ดวงตาที่โค้งงอเป็นประกายด้วยแสงที่ระยิบระยับ ราวกับดวงจันทร์สองดวงที่สะท้อนอยู่ในทะเลสาบที่กระเพื่อม
"ถ้าอย่างนั้น ที่คุณอยากจะเรียนเวทมนตร์ของจิ้งจอก มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?"
"ฉันอยากจะเรียนเวทมนตร์ของจิ้งจอกที่ใช้แปลงกาย แบบนั้นจะได้แปลงเป็นนกและบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า จะได้บินไปยังสถานที่ที่ไม่เคยมองเห็นมาก่อน..." ฉันตอบไปอย่างนี้
"อา... เวลาที่ล่าก็ไม่จำเป็นต้องหมอบอยู่ในพุ่มไม้ แต่สามารถล่าจากบนฟ้ได้เหมือนกับพญาอินทรี"
จากนั้น ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้
ในขณะที่กำลังคิดอย่างนี้อยู่ ก็ดูหมือนว่าแดนดิไลออนที่อยู่ในมือจะได้ยินความปรารถนาของฉัน และเริ่มลอยขึ้นไปท่ามกลางแสงจันทร์
"งั้นเหรอ..."
เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย ผมยาวสีดำหลลงมาจากต้นคอขาว ๆ ของเธอลงมาราวกับน้ำตก แสงจันทร์ซีดขาวส่องลงบนเส้นผม และกระจายไปตามเส้นผมบนผิวสีขาว ส่องแสงเป็นประกายราวกับสะท้อนเงาของเมฆ ในท้องฟ้ายามค่ำคืน
ฉันไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ จากนั้นสักพัก หน้าก็แดงขึ้นมาจนต้องหลบสายตาไปทางอื่น
ยังไงซะสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่รักอิสระ จะไม่ปกปิดความงามของตนเพียงเพราะอับอายเหมือนอย่างที่มนุษย์เป็น
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ครั้งแรกที่ได้สัมผัส แต่ทุกครั้งที่แสงจันทร์สาดส่องลงมายังเส้นผมของเธอ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและหลบสายตา
เธอหันหน้าไปคิดสักพัก จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ และดูเหมือนไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าไหร่
พวกเรานั่งอยู่ท่มกลางทุ่งดอกแดนดิลออนโดยไม่พูดจา เป็นอย่างนี้อยู่พักให ๆ นานถึงขนาดที่ฉันคิดว่าเธอคงจะโกรธฉันซะแล้ว
"จิ้งจอกอย่างพวกเราน่ะรู้คุณ ฉันจะสอนเวทมนตร์การแปลงกายให้คุณ ช่วยคุณให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา"
จิ้งจอกหันมา และเอ่ยปากขึ้น
ดวงตาสีสวยราวกับมหาสมุทรภายใต้แสงจันทร์คู่นั้น ช่างทำให้ผ่อนคลาย
เยี่ยมไปเลย เธอไม่ได้โกรธฉัน
ด้วยเหตุผลที่ไม่ชัดเจน ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

ตอนที่ IX[]

เมื่อถึงตอนที่ฉันสอนทุกสิ่งไปหมดแล้ว ยังจะได้เห็นทุ่งดอกแดนดิไลออนนี้อีกครั้งรี เปล่า...?
นักล่าเริ่มคิดถึงการจากลา ท่ามกลางทุ่งดอกแดนดิไลออน สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน (IX)

สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ฉลาด ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์
ลูกสุนัขจิ้งจอกนั้นเรียนรู้ได้เร็วมาก บางครั้งก็ถึงกับถามคำถามที่แแต่ฉันก็ยังตอบได้ยาก
ยังไงซะภาษาของมนุษย์ก็มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ไม่ไร้เดียงสาเหมือนภาษาของสัตว์ทั่วไป
บางครั้ง ภาษาก็ยุ่งซะจนเหมือนกับม้วนด้ายที่ถูกแมวน้อยเล่นจนยุ่งอิรุงตุงนัง แขวนอยู่ตรงนั้นที ติดอยู่ตรงนี้ที ทำให้ลิ้นของนักเรียนพันกันยุ่งเหยิง และบางครั้งก็ทำให้ผู้สอนสะดุดได้
แต่สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก สามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ของมนุษย์ได้อย่างมากมายในเวลาอันสั้น สามารถอธิบายลักษณะของดอกแดนด์ไลออนที่ลอยอยู่ และบ่อน้ำที่สะท้อนแสงจันทร์ด้วยภาษาง่ายๆ ได้ในเวลาไม่นาน
ทุกครั้งที่เจ้าจิ้งจอกน้อยรู้คำศัพท์ใหม่ ทุกครั้งที่เขาพยายามสำรวจโลกที่คุ้นเคยด้วยภาษาใหม่ที่ไม่คุ้นเคย และรู้สึกตื่นเต้นที่จะมอบความหมายใหม่ให้สายลม ดอกแดนดิไลออน และผื่นดิน เธอจะอยู่เคียงข้าง ยิ้มและมองมาที่พวกเรา
เจ้าจิ้งจอกน้อยเรียนรู้ได้เร็วมาก แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่
ถึงตอนที่ฉันไม่มีอะไรจะสอนเค้าแล้วนั้น เธอยังจะยอมให้ฉันอยู่ที่ทุ่งดอกแดนดิไลออนนี้อยู่มั้ยนะ?
เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะยังสามารถมองดวงตาที่อ่อนโยนคู่นี้ ภายใแสงจันทร์ได้อยู่หรือเปล่า?
เธอจะยังคงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพาฉันไปยังส่วนลึกของทุ่งแดนด์ไลออน เล่นกับฉันและสูดกลิ่นที่หอมจนขมคอของสายลมเหนือและใต้นี้อยู่อีกมั้ยนะ?
คิดไปอย่างนี้ แล้วฉันก็หลงอยู่ในความทรงจำที่เศร้าโศก
ในคืนที่จำได้อย่างราง ๆ คืนนั้น ในตอนที่ฉันต้องจากลากับหญิงสาวที่ฉันชื่นชม ดวงจันทร์บนท้องฟ้าก็หน้าตาเหมือนอย่างในคืนนี้
"ที่ผ่านมาต้องขอบคุณคุณมากเลยนะ"
โดยไม่รู้ตัว อยู่ ๆ จิ้งจอกก็มาอยู่ตรงหน้าของฉัน เธอก้มตัวลง ประกายแสงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผมสีดำยาวประบ่าซึ่งไหลย้อยลงมาจากด้านบน นั้นราวกับสายน้ำที่ไหลริน
"ไว้เขาเรียนรู้ที่จะพูดภาษาของมนุษย์ได้เมื่อไหร่ ไม่แน่อาจจะได้เพื่อนใหม่ ๆ เพิ่มมาบ้างก็ได้..."
"ที่ผ่านมาต้องขอบคุณมาก ๆ เลย ตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาของมนุษย์เป็นต้นมา เขาก็ดูร่าเริงขึ้นมากเลยล่ะ"
เธอจ้องมาที่ฉันด้วยดวงตาที่ไร้กันบึ้ง และเปล่งประกายราวกับอัญมณีของเธอ
"อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คุณสอนภาษาของมนุษย์ให้เขาจนหมดแล้ว จากนั้นจะไปที่ไหนต่องั้นรึ?"
แววตาอันเป็นประกายที่น่าหลงใหลของเธอ ทำเอาฉันลืมที่จะตอบไปชั่วขณะ
นี่ก็คือเวทมนตร์ของพวกสุนัขจิ้งจอกงั้นรึ?
สุนัขจิ้งจอกมองดูท่าทางที่แข็งทื่อของฉัน แล้วก็ยิ้มและถอนหายใจ
จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและเดินไปทางที่มีพระจันทร์ นำฉันไปสู่ใจกลางของทุ่งแดนดิไลออนที่สว่างไสวด้วยแสงจันทร์
เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยเห็นดังนั้น มันก็ส่ายหางและมุดเข้าไปในพุ่มดอกแดนดิไลออนท่ามกลางความมืด

ตอนที่ X[]

วันแห่งการจากลาย่อมต้องมาถึง...เจ้าจิ้งจอกกล่าวลาแม่ของมัน, อาจารย์ และทุ่งแดนดิไลออน
ถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาแล้วล่ะ - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ตอนที่ 10

เจ้าจิ้งจอกน้อยโบกมือให้เราในระหว่างที่เดินไปด้วย ร่างของเขาค่อยๆ ห่างไกลออกไปจนเหลือเพียงจุดสีขาว กลืนไปกับทุ่งดอกแดนดิไลออน และหายไปอย่างช้าๆ
หลังจากเจ้าตัวน้อยไปแล้ว แม่จิ้งจอกก็เดินมาหาฉัน
ร่างของเธอค่อยๆ ใหญ่ขึ้นทุกก้าวที่เดินเข้ามาหา
เมื่อเธอเดินมาถึง เธอก็อยู่ในร่างมนุษย์แล้ว
เธอทั้งสูงและสง่างาม คอยาวระหง ผิวขาวนวลดั่งไข่มุก ดวงตาเธอเป็นประกายดั่งกะรัตของอัญมณีในผืนน้ำ ในยามราตรีดวงตาของเธอดุจแสงตะวันที่สะท้อนผ่านหยดน้ำค้างบนใบไม้
"ช่างงดงามเหลือเกิน เธอดูเหมือนกับเด็กสาวที่ฉันตกหลุมรักในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ฉันยังจำชื่อของเธอได้เลือนราง แต่ดวงตาคู่นั้น ทำให้ฉันมั่นใจว่าใช่เธอแน่นอน"
ฉันคิด
สุนัขจิ้งจอกอาจมีทั้งเล่ห์และร่างแปลง แต่เทียบไม่ได้เลยกับดวงตาอันงดงาม ฉันได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ท่ามกลางทะเลแดนดิไลออนอันไร้ขอบเขต
ในที่สุด ฉันไม่อาจทนต่อไปได้ จึงพูดออกไป
กลอุบายที่คุณจะสอนฉัน คือจิ้งจอกแปลงร่างงั้นเหรอ?
"ใช่แล้ว ฉันรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณช่วยฉันมาตลอด"
เธอโค้งศีรษะคำนับฉัน เส้นผมสีดำยาวไหลลงจากบ่าของเธออย่างกับสายน้ำ
แม้การบอกลาจิ้งจอกน้อยจะทำให้ฉันรู้สึกโหวงในใจ แต่ฉันก็จะรู้สึกดีขึ้นในไม่ช้าด้วยมนตร์แปลงร่างที่ฉันกำลังจะได้เรียนรู้
ถ้าฉันรู้เวทมนตร์นั่น ฉันจะเปลี่ยนร่างเป็นนกได้ไหมนะ? ฉันจะบินไปได้สูงแค่ไหนกัน? ฉันอาจจะแปลงร่างเป็นปลาลงไปว่ายน้ำใน Musk Reef ที่ฉันไม่เคยไปได้ด้วยไหม
"ฉันจะใช้เวทมนตร์ล่าสัตว์ด้วย" อดตื่นเต้นไม่ได้เลย "จะไม่ต้องทนกินสตูแคร์รอตที่ไม่มีเนื้ออีกต่อไปแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้น ช่วยยืนนิ่ง ๆ ก่อนนะ"
เธอเดินวนรอบตัวฉันเป็นวงกลมอยู่เรื่อย ๆ ร่างกายของเธอค่อย ๆ ขยายขึ้นในแต่ละรอบที่เธอเดินวน
ไม่ ไม่เพียงแค่เธอ แต่ดอกแดนดิไลออนก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วย จากที่เคยสูงเพียงข้อเท้า มันเริ่มขยายใหญ่จนกลายเป็นต้นไม้ยักษ์ไปแล้ว
โดยไม่ทันรู้ตัว ฉันก็พบว่าเธอกลายเป็นยักษ์ไปแล้ว

ตอนที่ XI[]

"แดนดิไลออนเอ๋ย จงลอยละล่องไปตามลมสู่ดินแดนไกลโพ้น" เจ้าจิ้งจอกสวดภาวนา
เรื่องราวเล่าขานอันไม่รู้ลืมแห่ง Mondstadt ที่เล่าถึงนายพรานกับจิ้งจอก - สุนัขจิ้งจอกในท้องทะเลแห่งแดนดิไลออน ก็ได้จบลง

กว่าจะทันรู้ตัว ฉันก็กลายเป็นดอกแดนดิไลออนไปแล้ว
แม้จะอยากต่อต้านเพียงใด ดอกแดนดิไลออนก็ไม่มีปากให้ส่งเสียงออกไปได้ ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้นอกจากมองดูร่างยักษ์ เด็ดฉันขึ้นมาจากพื้นดินด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งด้วยความนุ่มนวล
"แดนดิไลออนเอ๋ย จงบินไปในสายลม สู่ดินแดนอันห่างไกลเถิด...."
สุนัขจิ้งจอกร่ายคาถา
ด้วยแรงเป่าที่ตามมา เจ้าก้อนขนแดนดิไลออนก็ลอยล่องไปตามแรงลม ฉันเองก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยกระแสลมเช่นกัน
แรงหมุนทำให้ฉันเวียนหัวไปหมด ดวงตาดุจอัญมณีคู่นั้นก็ลับหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะ และความปรารถนาที่สุนัขจิ้งจอกขอไว้
"ท่านเทพแห่งลม ข้าวอนขอให้ท่านเปลี่ยนเราให้เป็นนุษย์ด้วยเถิด เพื่อที่เราจะได้รอดพ้นจากศรและคมดาบของเหล่ามนุษย์ได้"
......
เมื่อฉันตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตนเองนั้นอยู่ในป่าหลังหมู่บ้านตัวเอง
ป่านั้นเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม มีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่กลางป่า
ทะเลสาบที่ใสดุจกระจกของมหาวิหารแห่ง Mondstadt พวกมันโปร่งใส และสะท้อนระยิบระยับยามต้องแสงตะวัน
แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านแมกไม้ สะท้อนไปมาราวกับผลึกในอัญมณี ช่างงดงามเหลือเกิน
ในวันนั้นอากาศเย็นสบาย ฉันออกล่าอยู่ในป้า และเมื่อเดินมาถึงริมทะเลสาบ แสงสะท้อนจากผิวน้ำก็ทำให้ฉันคิดถึงเด็กสาวที่ฉันเคยตกหลุมรักเมื่อนานมาแล้ว
ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเธอรูปร่างเป็นอย่างไร แต่ดวงตาของเธอนั้นใสดั่งผิวน้ำ ระยิบระยับดั่งผลึกของอัญมณี
ใช่แล้ว ฉันคงเผลอหลับไประหว่างที่จ้องมองทะเลสาบอันสวยงามนี้โดยไม่ทันรู้ตัว

น่ารู้[]

  • "จิ้งจอก" ในหนังสือเหล่านี้หมายถึง Crimson Fox (อยู่ภายในเกม และอาจไม่อิงจากชีวิตจริง)

ประวัติการเปลี่ยนแปลง[]

เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน 1.0
Advertisement