Genshin Impact Wiki
Advertisement
Genshin Impact Wiki

หากจะกล่าวว่าผู้ที่มีหัวใจนั้นคือมนุษย์ เขาก็คงไม่อาจเรียกว่าเป็นมนุษย์ได้
แต่ถ้าหากผู้ไร้หัวใจที่มีอารมณ์ทั้ง 7 แล้ว เขาก็คงเป็นหุ่นเชิดที่คล้ายคลึงมนุษย์มากที่สุด

—คำอธิบายบนเว็บไซต์ทางการ[1]

อุปนิสัย[]

ผู้พเนจรที่มีตัวตนเป็นปริศนา เขาแต่งตัวเหมือนผู้ฝึกตน แต่คำพูด และการกระทำของเขาไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนควรกระทำ

—ข้อความข้อมูลเฉพาะตัวละครภายในเกม

(รอการเพิ่มเติม)

ลักษณะรูปร่าง[]

(รอการเพิ่มเติม)

บทนำทางการ[]

"ผู้ศรัทธาจะหนุนนำให้เทพรุ่งโรจน์ ส่วนผู้ละทิ้งเป็นสักขีพยานในวิชชาของเทพ ส่วนคนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเขาอยู่ในประเภทใด ความไม่แน่นอนอาจเป็นรากฐานที่สำคัญในเส้นทางอนาคตของเขาก็ได้"

—พรแห่งภูมิปัญญา Mahakusaladhamma[Note 1] - Buer

เยือนย่ำราตรีกาล ท่ามกลางสายฝนที่ซัดโหม มีเงาดำร่างหนึ่งได้มาเยือนในสถานที่ที่เคยมีชื่อเรียกว่า Tatarasuna ในบริเวณที่ไม่ควรมีผู้อาศัยอื่นใดอยู่อีก แต่ราวกับว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว มีชาวนาผู้หนึ่งได้มาที่นั่นเพื่อเก็บ Naku Weed หาเลี้ยงชีพ ภายใต้แสงจันทร์กลับมองเห็นเหมือนมีเงามนุษย์ที่ดูดุจดั่งผีสางร่างหนึ่ง ยืนอยู่บนขอบหน้าผาตลอดทั้งคืน

คนผู้นั้นสวมหมวกใบใหญ่เพื่ออำพรางรูปลักษณ์ตน แต่เสียงจังหวะลมหายใจของเขากลับดังทะลุผ่านม่านฝน จนมาถึงหูชาวนาเข้า

เพียงชั่วครู่ ก็กล่าวขึ้นมาว่า: มนุษย์น่ะควรหายใจแบบนี้

ชาวนาคนนั้นสั่นกลัวว่าตนจะพบผีสางอันใด จึงรีบไปซุกซ่อนตัวที่หลังโขดหิน คนผู้นั้นกล่าวอีกว่า "เจ้าหวาดกลัวอะไรกัน? แขกแปลกหน้าผู้ผ่านมา คิดหรือว่าข้าจะทำร้ายเจ้า? ข้าก็แค่คนที่มาที่นี่เพื่อทำความสะอาดหลุมฝังศพให้แก่สหายก็เท่านั้น"

เมื่อสุ้มเสียงเลือนหายไป ชาวนาก็ชะโงกหัวออกมาดู แต่เบื้องหน้านั้นไม่มีเงาร่างใดอยู่เลย กลับมีเพียงกระดาษข้อความแผ่นหนึ่งหล่นอยู่ตรงนั้น กระดาษโดนสายฝนสาดจนเปียกชุ่ม ในนั้นมีคำถามเขียนไว้สามข้อ และคำตอบที่ยังเขียนไม่สมบูรณ์เอาไว้อีกด้วย...

มนุษย์นั้นมีหัวใจ แต่ทำไมกลับไม่กลัวหัวใจของผู้อื่น?

เพราะมันด้อยค่ากว่า

หากด้อยกว่า งั้นควรทำเช่นไร?

......

ผู้ที่ไร้หัวใจนั้นจะกลายเป็นมนุษย์ได้หรือไม่?

ผู้ที่ไร้หัวใจนั้นยากที่จะกลายเป็นมนุษย์

เมื่อชาวนามองมัน ก็รู้สึกสันหลังวาบขึ้นมา Tatarasuna ถูกทอดทิ้งรกร้างมาหลายปี ไม่มีใครจะมาที่นี่เพื่อทำความสะอาดตั้งนานแล้ว ถึงจะมี แต่ทำไมถึงเป็นยามดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้ด้วยเล่า

เรื่องราวของตัวละคร[]

ข้อมูลตัวละคร

ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวเอง และคนทั่วไปก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับเขา

ไม่จำเป็นต้องก้าวเข้าไปในท้องทะเลแห่งฝูงชน เขายอมรับว่าตัวเขาได้ทิ้งอารมณ์อันไร้ประโยชน์ไปแล้ว

ชีวิตระหกระเหินผกผัน จวบจนตอนนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น

"ผู้พเนจร" เป็นคำที่เหมาะสมที่สุดในการใช้อธิบายตัวตนของเขาในตอนนี้... ไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ไร้จุดหมาย

ยังมีชีวิต และยังก้าวเดินบนโลกแห่งนี้ต่อไป เสมือนสายลมบริสุทธิ์ที่พัดโชย

เรื่องราวของตัวละคร 1

ความประทับใจ Lv. 2  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


เมื่อหลายปีก่อน ผู้พเนจรยังไม่ได้ถูกเรียกว่าผู้พเนจร เขามีชื่อมากมาย ซึ่งแต่ละชื่อล้วนบ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนวันนี้ เหตุการณ์มากมายที่เคยเกิดขึ้นในอดีตล้วนถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้น

หุ่นเชิด, Kabukimono, ผู้บริหารอันดับที่หกของ Fatui "The Balladeer"...

แต่ละชื่อเป็นดั่งเส้นด้ายแห่งโชคชะตาที่ผูกรัดมัดข้อต่อของหุ่นเชิดเอาไว้

เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน หุ่นเชิดที่ร้องไห้เมื่อแรกกำเนิด จนสุดท้ายก็ไม่ได้รับแม้แต่การตั้งชื่อให้ จะมีก็แค่เพียงขนนกสีทองขนาดเล็กที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ก็เท่านั้น

เขาถูกจัดวางไว้ให้อยู่ในห้วงแห่งเงา เหม่อมองไปที่ความงามที่แสนว่างเปล่าตลอดทั้งคืนวัน ใบเมเปิลสีแดงสดงดงามราวกับเปลวเพลิง บานหน้าต่างที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงาม... ในคุกที่งดงามแห่งนี้ เขาค่อย ๆ สูญเสียความรู้สึกไป

ซามูไรผู้มีจิตใจดีงามนามว่า Katsuragi ได้บังเอิญหลงเข้าไปในนั้นระหว่างกำลังทำงาน ทำให้เขาได้รับการช่วยเหลือ. Katsuragi พาเขาไปอาศัยอยู่ที่ Tatarasuna และพาไปทำความรู้จักกับชาวเมืองที่นั่น

ตัวเขาในขณะนั้นเหมือนหน่ออ่อนที่เพิ่งแตกยอดสดใหม่ ทั้งไร้เดียงสา และไม่เข้าใจโลก จึงมักปฏิบัติกับผู้คนด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ และปรารถนาดี Katsuragi เห็นว่าบนร่างเขามีขนนกสีทองที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถนำมาสวมใส่ได้ จึงรู้ว่าเขาต้องประสบพบเจอกับเรื่องลำบากมาเป็นแน่แท้จึงเลือกที่จะไม่ปรากฏตัว ทั้งยังหลบซ่อนอยู่ในห้วงแห่งเงา เพราะงั้นจึงโกหกไปว่าเขาเก็บเด็กคนนี้ได้ในระหว่างลาดตระเวนบนหาด Nazuchi ทั้งยังนัดแนะกับเด็กคนนั้นให้พูดตรงกัน อย่าได้หลุดปากพลาดไปเด็ดขาด

Tatarasuna ที่แสนวุ่นวาย และครึกครื้น เป็นความทรงจำที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเขา ในที่แห่งนั้น เขาได้กลายเป็นมนุษย์ไปชั่วขณะ ได้กลายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

Katsuragi, Mikoshi Nagamasa, Niwa, Miyazaki... และไหนจะชาวบ้าน Tatarasuna ที่ถูกลืมเลือนไปเมื่อนานแสนนานเหล่านั้น ที่คอยสอนให้เขาอ่านออกเขียนได้ สอนเขาจุดไฟทำอาหาร สอนวิชาตีเหล็ก และยังยอมรับเขาเป็นเพื่อน

ทุกคนต่างถามเขาอย่างจริงจังว่า: "เจ้าไม่อยากมีชื่อเหรอ? ทุกคนข้างนอกนั้นเรียกเจ้าว่า Kabukimono นะ"

เขาเองก็ไม่ได้เกลียดชื่อนี้สักเท่าไหร่

Kabukimono หมายถึงคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส และมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างแปลกแยก ถึงแม้จะแตกต่างจากคนทั่วไปสักเพียงใด แต่มันเป็นสัญลักษณ์ว่าเขาเป็นมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งของ Tatarasuna

ทว่าสิ่งที่น่าเศร้าก็คือ ไม่ว่าเขาจะชอบชื่อนี้แค่ไหน แต่สุดท้ายก็ถูกบีบบังคับให้ต้องละทิ้งชื่อนั้น มันหมดสิ้นความหมายเสียแล้ว เพราะเขาไม่ต้องการเป็นมนุษย์อีกต่อไป

เขาเดินทางไปไกลถึง Snezhnaya เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงแสนบ้าระห่ำของเหล่า Harbinger ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อแลกกับตำแหน่งลำดับที่หก

ราชินีได้ประทานนามตำแหน่งใหม่ให้แก่เขาว่า "The Balladeer" ทั้งความแข็งแกร่ง, อำนาจ, ความปรารถนาอันแรงกล้า เขาล้วนมีอยู่ในครอบครอง

ตัวหมากรุกในการต่อสู้ที่เริ่มบ้าคลั่ง เพชฌฆาตบนฟลอร์เต้นรำเริ่มบดทำลายระเบียบกฎเกณฑ์ ในช่วงขณะนั้น เขาจึงมั่นใจว่า The Balladeer ต่างหาก ถึงเป็นชื่อที่แท้จริงของเขา

เรื่องราวของตัวละคร 2

ความประทับใจ Lv. 3  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


ย้อนกลับไปในสมัยที่ Tatarasuna ยังคงมีชีวิตชีวา ผู้พเนจรเคยอาศัยอยู่ร่วมกับชาวเมืองในชื่อ "Kabukimono"

และสิ่งที่ทำให้ชีวิตที่สงบสุขของเขาจบลงนั้น หาใช่เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของ Inazuma ไม่

สิ่งที่เกิดขึ้นใน Tatarasuna เริ่มต้นจากตระกูล Akame กับ Escher ช่างจักรกลชาว Fontaine เพื่อเพิ่มศักยภาพในการหลอม Akame จึงได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Escher ผู้ที่นำเทคโนโลยีใหม่ของ Fontaine เข้ามา ทั้งยังได้แนะนำ Escher ให้กับ Niwa ที่เป็น "Isshin Sansaku" อีกด้วย

การมาถึงของ Escher ทำให้ Tatarasuna ทั้งหมดตื่นเต้น ผู้คนใช้เทคโนโลยีใหม่ของเขามาจัดการเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของ Crystal Marrow

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เตาหลอมที่อยู่ใจกลางของ Tatarasuna ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ในเตาหลอมมีควันสีดำจำนวนมากเกิดขึ้น และควันแปลก ๆ นั้นก็เริ่มส่งผลกระทบต่อร่างกายของช่างอย่างช้า ๆ การถลุงและหลอมซึ่งควรจะเป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตของ Tatarasuna กลับกลายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

จำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น เตาหลอมเองก็หลุดจากการควบคุม ไม่มีใครสามารถเข้าไปใกล้พื้นที่ใจกลางนั้นได้ แม้แต่การหยุดมันก็ยังเป็นปัญหาใหญ่

ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของ Tatarasuna อย่าง Niwa เขาจำต้องปิดข่าวไว้ชั่วคราว ในขณะเดียวกันก็ส่งคนไปที่เมือง Inazuma เพื่อขอความช่วยเหลือจาก Tenshukaku

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้คนที่แล่นเรือออกไปในทะเลก็ไม่มีใครได้หวนกลับมาอีกเลย ความหวาดกลัวแผ่ขยายปกคลุมจิตใจของชาว Tatarasuna

Kabukimono รู้ว่า Niwa ต้องการความช่วยเหลือจากโชกุน Raiden แต่เขาไม่รู้ว่า หนึ่งปีมานี้เทพแห่งสายฟ้าได้ใช้ตัวเองเป็นวัตถุดิบในการสร้างหุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบขึ้นมา ทั้งยังได้มอบหมายหน้าที่การจัดการดูแลรับผิดชอบให้กับ "ผู้พิทักษ์ชั่วนิรันดร์" เขานั่งเรือลำเล็กออกทะเลไป เผชิญหน้ากับพายุฝนฟ้าคะนองในทะเล โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง จนกระทั่งมาถึง Tenshukaku เขาได้ร้องขอเข้าพบโชกุน Raiden

แต่โชกุน Raiden ตัวจริงนั้นได้อยู่ในดินแดนแห่งใจที่บริสุทธิ์ตั้งนานแล้ว Kabukimono ที่ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แต่รีบเร่งหยิบขนนกสีทองออกมาแสดงตัว และขอเปลี่ยนไปขอพบกับ Yae Miko แทน

Yae Miko ที่กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือผู้พิทักษ์ชั่วนิรันดร์นั้น ทันทีที่ได้ทราบเรื่องก็รีบมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบ เพียงเพื่อมาให้ทันพบหน้า Kabukimono ที่กำลังร้อนอกร้อนใจ เธอได้สัญญาว่าจะรีบจัดกำลังคนไปจัดการปัญหานี้ Kabukimono ที่หมดสิ้นความอดทนทั้งหมดไปแล้ว เหมือนไม่ได้ยินคำที่เธอพูดเอ่ย เขาได้กลับไปพร้อมความสิ้นหวังว่า Shogunate ได้ละทิ้ง Tatarasuna เสียแล้ว

การส่งคำร้องในการเคลื่อนทัพ, ส่งกำลังพล และข้ามท้องทะเลด้วยเรือ เมื่อกำลังเสริมมาถึง Tatarasuna ก็ไม่ได้ตกอยู่ในโศกนาฏกรรมอะไร ตรงกันข้าม คนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเพียงได้ฟังจากปากคำของช่างจักรกลที่ชื่อ Escher พูดว่า Niwa ผู้รับผิดชอบสูงสุดรู้ว่าตัวเองได้ละเลยหน้าที่ เกิดความหวาดกลัวต่อความผิดจึงได้หลบหนีไปพร้อมกับครอบครัว เพราะกลัวโดนลงโทษ Kabukimono จึงได้เข้าไปในพื้นที่ใจกลางแทน Niwa และทำการปิดเตาหลอมยักษ์นั่นซะ

Yae รู้ว่า Kabukimono กับ Niwa ที่หลบหนีไปเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอคิดว่าในใจของเขาคงเต็มไปด้วยความหนักอึ้งเลยไม่อยากไปรบกวน เธอจึงได้ส่งคนให้นำขนนกมาคืนเท่านั้น

ต่อมา Kabukimono ก็หายตัวไปจาก Tatarasuna อย่างไร้ร่องรอย เมื่อผู้คนหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา พวกเขาจะไม่มีวันลืมการเต้นรำเฉลิมฉลองที่ Kabukimono แสดงร่วมกับทุกคนในวันที่ Mikoshi Nagamasa ตีหลอมดาบได้สำเร็จ

ยามเมื่อเขาเต้นรำนั้นเหมือนตัวเขาล่องลอยอยู่ มันช่างเหมือนกับขนนกที่ปลิวไสวอยู่ในสายลม ใครจะไปคาดคิดว่าตัวตนของเขาเองก็โผบินไปยังที่ที่ไม่รู้จักเหมือนขนนกเช่นกัน

เรื่องราวของตัวละคร 3

ความประทับใจ Lv. 4  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


หลังจากออกจาก Tatarasuna แล้ว Kabukimono ก็ได้พบกับเด็กน้อยคนหนึ่งในกระท่อมริมทะเลที่เมือง Inazuma

เด็กชายทั้งอ่อนแอและเจ็บป่วย อาศัยอยู่ตามลำพังในกระท่อมเก่าทรุดโทรมที่ประตูแตกหักผุพัง Kabukimono เห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นสกปรกของเด็กน้อย ผ่านรอยแตกของประตูไม้ทรุดโทรม ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเกิดขึ้นในอก ราวกับว่าความรู้สึกเก่า ๆ บางอย่างที่ถูกเก็บงำไว้กำลังถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยเหตุนี้เขาจึงพักอยู่ในกระท่อมไม้เพื่อดูแลเด็กน้อยที่เจ็บป่วย นำผลไม้และน้ำดื่มมาให้เขา และเช็ดสิ่งสกปรกออกจากใบหน้า

วันเวลาผ่านไปหลายต่อหลายวัน แต่พ่อแม่ของเด็กน้อยก็ยังไม่กลับมา ในภายหลัง Kabukimono ถึงได้รู้ว่าพ่อแม่ของเขาเป็นคนงานอยู่ที่ Tatarasuna ครอบครัวนี้มีชีวิตที่มีความสุขสงบแสนเรียบง่าย แต่สองสามีภรรยากลับติดโรคประหลาดจากที่ทำงาน พวกเขามักจะมีอาการไอเป็นเลือด การที่พวกเขาไม่ได้กลับมา นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจจะเสียชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างเงียบ ๆ แล้ว

เด็กน้อยมีชื่อว่าอะไรนั้นไม่สำคัญ เพราะเด็กน้อยคนนั้นมีตัวตนฐานะอื่น นั่นคือ: เพื่อนและครอบครัวของ Kabukimono พวกเขาสลับกันเล่าข้อมูลเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง และตกลงที่จะอยู่ด้วยกันในกระท่อมที่ทรุดโทรมแห่งนี้ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงมิตรภาพ Kabukimono ได้พาเด็กน้อยคนนั้นไปที่ห้วงแห่งเงา เพื่อดูห้องที่เขาเคยอยู่อาศัย

ใบเมเปิลสีแดงดั่งเปลวเพลิง หน้าต่างเก่าทรุดโทรม... ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

เขาคิดว่าเขาจะไม่มีวันได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกแล้ว แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงนั่นคือ การตายของเด็กน้อยที่เจ็บป่วยคนนั้น จะใช้เวลาเพียงแค่ค่ำคืนเดียว ทั้งยังเป็นค่ำคืนที่ Kabukimono เพียงแค่ออกไปหาอาหาร และเอาเครื่องเรือนที่คนอื่นไม่ต้องการกลับมาเท่านั้น

แม้จะประสบพบเจอการเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ชีวิตของคนคนหนึ่งจะจบลงในชั่วพริบตาได้อย่างไร "ชั่วพริบตา" ที่หลงเหลือเพียงความเจ็บปวดเอาไว้

นอกจากความตระหนกตกใจแล้ว เขาก็ยังรู้สึกถึงความโกรธเคือง... เขาอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว นี่เขาถูกทอดทิ้งอีกแล้วงั้นเหรอ?

ครั้งแล้วครั้งเล่า วนเวียนซ้ำ ๆ!

ร่างเล็กบนพื้นขดตัว เฉกเช่นกลีบดอกไม้มากมายที่ขดตัวรวมกัน และมีเลือดสีแดงแปดเปื้อนตรงมุม โลหิตสีแดงสดคล้ายกับใบเมเปิล... และเปลวเพลิง

ในค่ำคืนนั้นที่ชายทะเล มีเปลวเพลิงลุกไหม้เกิดขึ้น Kabukimono ได้เผากระท่อมทิ้ง พร้อมกับพกหมวกฟางเก่า ๆ ที่เขาพบในกระท่อมติดตัวออกเดินทางไปไกลแสนไกล

เขาออกเดินทางไปทั่วสารทิศอย่างไร้จุดหมาย ระหว่างทางเขาได้พบกับผู้คนมากมาย แต่เขาไม่คิดมองใครในหมู่มวลคนพวกนั้นเป็นเพื่อนอีกต่อไป

เรื่องราวของตัวละคร 4

ความประทับใจ Lv. 5  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


ตำแหน่งผู้บริหารอันดับที่หกของ Fatui นามว่า "The Balladeer" แห่ง Snezhnaya

ชื่อฉายานี้ไม่ใช่ชื่อที่มอบให้เขาตั้งแต่ต้น ระยะเวลาระหว่างมันกับเขาห่างกันถึงร้อยกว่าปี

หลังจากออกจาก Inazuma มา เขาก็ได้ละทิ้งชื่อ "Kabukimono" และกลับมาเป็นคนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามอีกครั้ง เขาไม่ได้คิดจะมีชื่ออื่นเลย จนกระทั่ง "The Jester" ได้มาพบกับเขา

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดก็ดี หรือ Kabukimono ก็ช่าง ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงแค่ชื่อเรียกที่ผู้คนใช้เรียกเขาก็เท่านั้น เพราะเขาจะไม่ผูกมิตรกับใครอีก ชื่อปลอมเหล่านั้นก็ไร้คุณค่าให้ใส่ใจ

The Jester เกลี้ยกล่อมให้เขาเกิดความสนใจต่องานฉลองอันบ้าคลั่งนั้นสำเร็จ และยินยอมพร้อมใจที่จะเดินทางไปยัง Snezhnaya เพื่อเป็นพลังให้แก่ Fatui

ในดินแดน Snezhnaya มีคนแปลกหน้าผู้หนึ่งได้มารับเขา คนผู้นั้นบอกว่าตัวเองคือ "The Doctor" อีกฝ่ายต้อนรับการมาถึงของเขาอย่างสุดซึ้ง และเชื้อเชิญเขาให้เป็นตัวอย่างอ้างอิงที่สำคัญสำหรับการทดลองของตัวเอง และมีส่วนร่วมในการวิจัยที่ยอดเยี่ยมนี้

เทคโนโลยี "หุ่นเชิด" มีต้นกำเนิดมาจาก Khaenri'ah ซึ่งเขาในฐานะที่เป็นผลผลิตในการสร้างของเทพแห่งสายฟ้าจึงพิเศษมาก "The Doctor" ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก เขาค้นคว้าและทดลองอย่างต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ จนในที่สุดเขาก็ได้รับข้อมูลพื้นฐานทางเทคนิคที่จะใช้ทำ "ชิ้นส่วน" ในอนาคตมา

เพื่อเป็นการตอบแทน "The Doctor" ได้ปลดผนึกที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา ซึ่งนั่นทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเพียงพอที่จะต่อสู้กับผู้บริหารระดับล่างได้

แม้แต่ในขณะเวลานี้ เขาก็ยังไม่ได้ต้องการชื่อใด ๆ เพื่อนร่วมงานมักเรียกเขาว่าหุ่นเชิด และเขาก็นิยามตัวเองแบบนั้นเช่นกัน เขาเชื่อว่าเขาเป็นหุ่นเชิดที่ไม่กลัวตายและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เขาได้นำกองกำลังไปยัง Abyss ตามคำสั่งของราชินี โดยใช้เวลาในการสำรวจในนั้นอย่างยาวนาน ในช่วงเวลานั้น เขาได้รับบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งครั้ง และเขาก็ได้รับการซ่อมแซมจาก "The Doctor" หลายครา เขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยความเจ็บปวด และเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า

ต่อมาเขากลับไปที่ Snezhnaya พร้อมผลการสำรวจ Abyss และได้รับรางวัลเป็นที่นั่งในลำดับที่หก หน้าที่ของเขายังถูกเปลี่ยนจากการสำรวจ Abyss ไปเป็นการสนับสนุนปฏิบัติการลับของเหล่า Fatui ในประเทศต่าง ๆ อีกด้วย

จวบจนตอนนี้ เขาถึงรู้สึกได้ว่าชื่อใหม่นั้นช่างเหมาะสมกับตัวเองซะเหลือเกิน... "The Balladeer"

เรื่องราวของตัวละคร 5

ความประทับใจ Lv. 6  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


เรื่องราวที่เกิดขึ้นนับแต่นั้นมา อาจเรียกได้ว่าน่าตะลึง แต่น่าเสียดายที่เหลือคนเพียงน้อยนิดที่จำเรื่องราวเหล่านั้นได้

ผู้ที่เป็นพยานในเหตุการณ์เหล่านั้น ต่างเก็บตำนานพวกนั้นไว้ในใจ และมันก็ยังคงดำรงอยู่อย่างเงียบ ๆ เหมือนบทเพลงแต่โบราณ

ในใจกลางของ Irminsul นั้น The Balladeer ได้สัมผัสกับ "ความจริง" ที่ท่านหญิงน้อย Kusanali ใส่เอาไว้ในกระแสข้อมูล ตอนแรกความลับถูกซ่อนอยู่ในหัวใจสักดวงของ "The Doctor" เป็นดั่งที่ท่านหญิงน้อย Kusanali พูด ความซื่อสัตย์เพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ของ The Doctor อยู่ในความจริงจากมุมมองบุคคลที่หนึ่งของเจ้าตัว

"The Balladeer" ได้เห็นความจริงผ่านการย้อนอดีต: Niwa ผู้เป็นเพื่อนที่ดี ที่สอนให้เขาใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ และปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนธรรมดาไม่ได้หนีจาก Tatarasuna เพราะกลัวการลงโทษอย่างที่ Escher บอก เพราะความจริงแล้ว Escher หรือ "The Doctor" ต่างหากคือผู้ร้ายตัวจริง ส่วนหัวใจที่ถูกใส่เข้าไปในเครื่อง และซ่อนอยู่ในอกของ "The Balladeer" ก็คือหัวใจที่ถูกควักออกจากอกอันอบอุ่นของ Niwa

การตายของ Niwa ถูกระบุไว้ว่าเป็นอุบัติเหตุ Tatarasuna แต่ Escher กลับใช้วาจาคารมคมคายโน้มน้าวผู้คนให้เชื่อว่าเป็นแค่การละเลยหน้าที่ของผู้ดูแล

Mikoshi Nagamasa ในฐานะผู้รับผิดชอบอันดับต้น ๆ ก็ควรจะได้รับโทษตาย เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อความผิดบาปที่เกิดขึ้น แต่ต้องขอบคุณ Katsuragi นักรบผู้ภักดีที่ยินยอมพร้อมใจรับบาปของเขาเอาไว้แทน

ความทุกข์เศร้าในขณะนั้นไร้วาจาจะบรรยายได้ ไม่ว่า Nagamasa จะลังเลใจเพียงใด แต่เขามีหน้าที่ล้างมลทินให้กับตระกูล Mikoshi เขาไม่สามารถตายอยู่ที่นี่ได้

ในค่ำคืนนั้น Nagamasa จึงหยิบดาบ "Daitatara Nagamasa" อันเป็นที่รักออกมา และฟัน Katsuragi ที่อยู่ต่อหน้าเขาจนตายในดาบเดียว คมดาบกรีดลึกลงไปในร่างกาย จนเกือบผ่าร่างของคนตายออกเป็นสองซีก...

...เพราะเขาไม่เชื่อในเทพเจ้างั้นเหรอ? แต่ถ้าไม่ใช่แล้ว ทำไมถึงต้องประสบโศกนาฏกรรมเช่นนี้ด้วย?

ถ้าบนโลกนี้ไม่มีหุ่นเชิด Kabukimono ลึกลับตัวนั้น แล้ว Escher จะยังคงทำแบบเดิมอยู่หรือไม่?

แม้จะมีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่ความหวังที่จะกอบกู้ Tatarasuna ให้กลับคืนมาดังเดิมมันจะเป็นไปได้หรือไม่?

ถึงแม้จะไม่มีใครบนโลกสามารถทำอะไรได้เลย แต่กับ "The Balladeer" นั้นแตกต่างออกไป ณ เวลานี้ เขารู้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ในโลกนี้ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สามารถทำได้

เขาคิดว่าตัวเองกล้าหาญ เพราะเขาไม่หวาดกลัวต่อความตาย ความตายเป็นเพียงภัยคุกคามเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อหุ่นเชิดก็เท่านั้น และมีเพียงมนุษย์ที่มีหัวใจเท่านั้น ที่จะเข้าใจความรู้สึกของความหวาดกลัวนี้

ทว่าเขาก็รู้ว่าตัวเองนั้นขี้ขลาด ดังนั้นจึงโกรธทั้งรู้สึกผิดมาตลอด ถ้าเพียงเขาสามารถเป็นเหมือนตัวเองในตอนนี้ ตัวเขาที่เรียนรู้ที่จะเชื่อใจผู้อื่นให้น้อยลง... คนที่เขามองว่าเป็นเพื่อนจะยังมีจุดจบที่น่าสลดอย่างนี้อีกมั้ย?

จะคนทรยศหรือวีรบุรุษก็ดี เทพหรือผู้ถูกขับไล่ก็ดี อัตลักษณ์ทั้งหมดหายวับไปทันทีที่กระโจนเข้าสู่กระแสอันเชี่ยวกราก

การไหลของกระแสข้อมูลนั้นเงียบสงัดนัก แต่เขากลับรู้สึกว่าเลือดในกายกำลังเดือดปะทุอื้ออึ้งอยู่ในหู ในสมองเหมือนมีอะไรกึกก้องอยู่เสมอ

เพื่อที่จะโอบกอด เพื่อที่จะทำลาย!

หุ่นเชิดคือคนขี้ขลาดที่ถูกทิ้ง Kabukimono คือผู้ไร้หัวนอนปลายเท้าที่ถูกผู้คนยอมรับ และ Scaramouche คือผู้ลอบวางแผน ...ผู้ทรยศต่อประสงค์ของเทพ และกระโจนพุ่งต้านกระแสแห่งโลก

แต่แล้วยังไงล่ะ?

ในเมื่อมือที่ไม่ใช่ของมนุษย์คู่นี้ เคยปิดเตาหลอมที่ร้อนจัดได้ แม้จะสูญเสียนิ้วมือไปทั้งสิบนิ้วก็ตาม

ตอนนี้มือที่ไม่ใช่ของมนุษย์คู่นี้ จะคว้าความเป็นไปได้อันน้อยนิด และบิดเบือนความจริงเพียงเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตัวเอง

โอบกอดมันเถอะ โอบกอดมันไว้ด้วยร่างกายที่กำลังสูญสลายไป!

ทำลายมันซะ ชีวิตอันไร้ประโยชน์ราวกับดอกไม้บอบบาง ขนนกอันเบาหวิว หรือน้ำค้างยามเช้าที่ร่วงหล่น!

ลาก่อนนะโลกใบนี้ ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ฉันก็จะบอกลาโลกนี้ไปอยู่ดี

ตุ๊กตาตัวน้อย

ความประทับใจ Lv. 4  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


หลังจากตัดสินใจที่จะอยู่ Sumeru ต่อ ผู้พเนจรก็ใช้เวลาว่างไปที่ Treasures Street และถามคนขายของที่นั่นถึงวิธีทำตุ๊กตา

ในมุมหนึ่งของตลาดที่พลุกพล่าน ชายชราผู้ใจดีที่มีผมหงอกกวักมือเรียกเขาให้นั่งข้าง ๆ และสอนเขาตั้งแต่ต้นถึงวิธีการเย็บสิ่งที่เขาต้องการด้วยผ้าและด้าย

ผู้พเนจรใช้เวลาไปไม่น้อยในการฝึกเย็บ สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ช่างไม่เข้ากับบุคลิกของตัวเขาเลยสักนิด แม้ว่ามันจะรู้สึกแปลก ๆ ไปสักหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจความรู้สึกนี้หรอกนะ

นานมาแล้ว เขามักจะอดทนศึกษาเรื่องต่าง ๆ แบบนี้เหมือนกัน อย่างเช่น วิธีการถืออุปกรณ์ทานอาหาร วิธีการใส่เสื้อผ้า วิธีการหวีผม...

เริ่มต้นจากรายละเอียดทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดก็กลายเป็น "มนุษย์"

หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็ทำของชิ้นนั้นสำเร็จ ตุ๊กตามนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่มีผมสีดำสวมใส่ชุดสีขาว บนเอวมีสายรัดผูกเป็นโบว์เล็ก ๆ เอาไว้ และหางตานั้นก็มีหยดน้ำตากลม ๆ ประดับไว้

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเพื่อนอายุน้อยคนหนึ่ง เคยทำตุ๊กตาที่มีรูปลักษณ์เหมือนผู้พเนจรในอดีตออกมา แต่ช่างน่าเสียดาย ก่อนที่จะจาก Inazuma เขาได้เผาตุ๊กตาตัวนั้นไป พร้อมกับกระท่อมเก่าด้วยมือทั้งคู่ของตัวเองไปแล้ว

หลายปีต่อมา เขากลับเย็บมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านในฝ่ามือ

ตัวเล็กและนุ่มนิ่ม ประหนึ่งเด็กน้อยที่ไร้การป้องกัน เอาซุกเอาไว้ในแขนเสื้อก็ไม่ได้กินพื้นที่มากอะไร วางไว้ในหมวกก็เหมือนมีเพื่อนร่วมเดินทางเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

"จากนี้ไปแกกับฉันก็ออกร่อนเร่ไปด้วยกันนะ"

เขาพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา แล้วค่อย ๆ เก็บมันลงในช่องกระเป๋าเสื้อเป็นอย่างดี

วิชั่น

ความประทับใจ Lv. 6  •  พระวิหารที่ล่มสลาย


ชั่วขณะนั้น ผู้พเนจรได้ยินเสียงของสายลมที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่สายลมนั้นราวกับตั้งใจเปลี่ยนทิศทาง เพื่อมาทักทายเขาอย่างน่าประหลาด

เขาได้กลิ่นความหลังอันเก่าแก่ลอยโชยมาตามสายลม... กลิ่นของค้อน โลหะ เตาไฟ เขม่าควัน...

ความฝันอันห่างไกล ความสุขที่หล่นหาย คิดแล้วช่างน่ามหัศจรรย์เหลือเกินที่คนอย่างเขาเคยมีชีวิตที่เรียบง่ายแบบนั้นอยู่จริง ๆ

ทันใดนั้น ผู้พเนจรได้มองเห็นภาพสะท้อนของเขาเอง เขาในแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่ทุกคนล้วนคือตัวตนที่แท้จริงของเขาทั้งสิ้น

ทั้งถ่อมตัวและขี้ขลาด ทั้งน่าสงสารและเจ็บปวด ทั้งเย่อหยิ่งและน่าขัน... ทั้งหมดถูกร้อยเรียงเชื่อมโยงเป็นตัวเขา

การยอมรับอดีตคือการยอมรับความล้มเหลว ยอมรับว่าตัวเองเป็นเพียงไอ้ขี้ขลาดที่ไม่สามารถทำเรื่องใดสำเร็จได้เลย

แต่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะกระชากโซ่ตรวนที่ผูกรัดออก และกลับไปเป็นตัวเขาที่น่าสมเพชคนนั้นได้

ในขณะนั้นเขาก็ได้เข้าใจ ความสงบ และความงดงามที่ปรากฏเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่เคยตายจากไป มันซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ขอเพียงแค่แค่มีทางเลือก ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เขาก็คงเดินบนเส้นทางเดิมอีก

ในขณะที่เขาเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า ลำแสงแวววับลำหนึ่งมาขวางกั้นการโจมตีของอินทรแห่งอนันตปัญญาเร้นลับเอาไว้ เจตจำนง และการเลือกของเขาเป็นสิ่งที่เพรียกหาดวงตาของเทพเจ้า

"วิชั่น" เผยออกมา ท่ามกลางแสงสว่างและความมืดมิด เครื่องประดับเปล่งประกายราวกับดวงตาที่แย้มยิ้ม เหมือนจะถามเขาว่า: เจ้าที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าเช่นนี้ ยังคิดว่าตนเองไร้ซึ่งหัวใจอยู่อีกหรือ?

นามบัตร[]

กลุ่มดาว[]

เควสต์และกิจกรรม[]

การกล่าวถึงตัวละคร[]

เรื่องราวของตัวละคร

ตัวละครเรื่องราว

เสียงพากย์ตัวละคร

ตัวละครเสียงพากย์

ชื่อในภาษาอื่น[]

ฉายาตัวละคร: กัปกัลป์อสงไขย[]

ภาษาชื่ออย่างเป็นทางการความหมายที่แท้จริง
ไทยกัปกัลป์อสงไขย
อังกฤษEons Adrift
จีน
(ตัวย่อ)
久世浮倾
Jiǔshì Fúqīng
Eons Adrift
จีน
(ตัวเต็ม)
久世浮傾
Jiǔshì Fúqīng
ญี่ปุ่น久世浮傾
Kusei Fukei
Eons Adrift
เกาหลี기나긴 방황
Ginagin Banghwang
Long Wandering
สเปนEl Caminante EternoThe Eternal Walker
ฝรั่งเศสL'éternellement égaréThe Eternally Lost One
รัสเซียЗатерявшийся в вечностиLost in Eternity
เวียดนามĐoạn Tuyệt Thế Gian
เยอรมันBis in die Ewigkeit driftenDrift into the Eternity
อินโดนีเซียEons Adrift
โปรตุเกสCaminhante EternoEternal Walker
ตุรกีZamanda SürüklenişAdrift in time
อิตาลีEternamente perdutoEternally Lost

อ้างอิง[]

  1. เว็บไซต์ทางการของ Genshin Impact: ผู้พเนจร

หน้าอื่น ๆ[]


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "Note" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="Note"/> ที่สอดคล้องกัน

Advertisement