ตระกูลลอว์เรนซ์ (ภาษาอังกฤษ: Lawrence Clan) เป็นวงศ์สกุลขุนนางของนครรัฐมอนด์ชตัดท์ที่ถูกก่อตั้งขึ้นหลังเทพเจ้าวายุบาร์บาทอสโค่นล้มเทพเจ้ามรสุมเดคาราเบียนได้สำเร็จ ตระกูลลอว์เรนซ์เป็นหนึ่งในสายตระกูลใหญ่ของเมืองร่วมกับตระกูลกึนน์ฮิลเดอร์ ตระกูลฮรากึนวินเดอร์ และตระกูลอิมุนเลาคาร์
ตระกูลลอว์เรนซ์มีตราตระกูลเป็นสัญลักษณ์ปีกน้ำแข็ง สามารถเห็นได้บนอาวุธนำด้วยชื่อ Royal ทั้งห้าชนิด บนวัตถุมงคล Noblesse Oblige และบนเนมการ์ดของยูล่า
หลังจากที่ระบอบขุนนางถูกจัดตั้งแทนระบอบเก่า ตระกูลลอว์เรนซ์ได้ขึ้นมาเป็นตระกูลอันทรงอิทธิพลที่สุดในการปกครอง และเมื่อเหล่าวงศ์สกุลขุนนางเริ่มทุจริตลุแก่อำนาจมากขึ้นได้ขึ้นมารวบอำนาจเบ็ดเสร็จในเมืองมอนด์สตาดต์ ปัจจุบันตระกูลลอว์เรนซ์เป็นที่เกลียดชังอย่างมากโดยชาวเมือง แค่เอ่ยถึงชื่อก็อาจบันดาลโทสะคนทั่วไปได้ง่ายๆ
ประวัติตระกูล[]
สมัยเดคาราเบียน[]
บรรพบุรุษลอว์เรนซ์เคยตั้งรกรากอยู่นอกเมืองของเทพเจ้าเดคาราเบียน ฝ่าฟันสภาพแวดล้อมหนาวเย็นในฐานะผู้บุกเบิกดินแดน ความทรหดอดทนนี้ได้สร้างความภาคภูมิว่าเป็นผู้ชนะในหมู่ตระกูลลอว์เรนซ์
ต้นยุคสมัยขุนนาง[]
นางเวนเนอแรร์เป็นผู้นำตระกูลลอว์เรนซ์เมื่อครั้งที่มอนด์ชตัดท์ถูกแถลงเมืองใหม่ๆ และได้นำผู้คนไปร่วมมือกันสร้างรูปปั้นในจัตุรัสเมืองเพื่อรำลึกถึงวันที่เทพเจ้าบาร์เบโทสลงมาจุติ ตระกูลขุนนางทั้งหมดได้ร่วมกันจารึกคำสาบานให้กับรูปเคารพ
ในเวลานั้นประชาชนมอนด์ชตัดท์บูชาสักการะทั้งเทพเจ้าวายุและเทพเจ้าแห่งกาลเวลา ตระกูลลอว์เรนซ์เองได้กลับไปสู้กับความหนาวเย็นภายนอกตามสายเลือดคนแกร่งอีกครา
เหล่าชนชั้นสูงจะแสดงฝีมือการล่าสัตว์เพื่อประกาศความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์ และนำเนื้อมาแบ่งปันแสดงความใจบุญต่อชาวบ้าน วัฒนธรรมนี้มีที่มาจากประวัติและประเพณีประจำตระกูลลอว์เรนซ์ที่มีนักเวทย์วังหลวงเคยสอนสั่ง พวกนี้จดบันทึกเก็บเป็นหลักแหล่งและมีหน้าที่ปลูกฝังคุณธรรมแก่ลูกหลานเจ้านาย
ปลายยุคสมัยขุนนาง[]
เมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลลอว์เรนซ์เริ่มเห็นตัวเองสูงส่งขึ้นเรื่อยๆจากผู้ชนะไปเป็นเจ้าชีวิตและถึงขั้นเป็นกษัตริย์ ทำให้ตระกูลถลำลึกลุแก่อำนาจและนำพายุคขุนนางปกครองมาถึงช่วงปลายสมัย
เหล่าลอว์เรนซ์ได้พากันไปรื้อรูปปั้นเทพเจ้าบาร์เบโทสกลางจัตุรัสเพื่อให้คำสาบานไม่มีผลอีกต่อไป และเหล่านักเวทย์วังหลวงต่างละทิ้งหน้าที่สอนชนชั้นสูงไม่พูดถึงวีรกรรมและคำสาบานใดๆอีก ตระกูลลอว์เรนซ์เริ่มคิดว่าเป็นเจ้านายต้องใช้แต่ดาบ เมินเฉยประเพณีเกาทัณฑ์ของตัวเองและแม้แต่หอกก็ไม่แตะ เห็นธนูเป็นอาวุธชาวบ้านและหอกเป็นอาวุธกลาดิเอเตอร์
ตระกูลยังได้เปลี่ยนธรรมชาติเกมกลาดิเอเตอร์ไปหน้าตาเฉย ให้กลายสภาพจากพิธีกรรมทางศาสนาไปเป็นกีฬาเชือดคนเพื่อความบันเทิง
เมื่อชาวเมืองพากันเรียกร้องหาบาร์บาทอส เทพเจ้าวายุเห็นความเสียหายจากน้ำมือของพวกที่พระองค์ปล่อยครองเมืองและลงมาจัดการเพื่อหวนคืนเสรีภาพ พระองค์ให้ความช่วยเหลือทาสสาวนามว่าเวนเนสซ่าและปลุกระดมให้ผู้คนก่อการกำเริบ และองค์บาร์เบโทสยังทำมากกว่าแค่ก่อกบฎโดยการเขียนเอกสารปลอมว่าตระกูลลอว์เรนซ์กำลังจะขายเมืองให้เทพเจ้ามอแร็กซ์ ส่งผลให้ทหารประจำตระกูลเกิดความกลัวว่าถ้าเจ้านายจะไปไกลขนาดนี้สักวันตนจะได้เป็นทาสไปด้วย และยกพวกแปรพักต์ไปเข้ากับกบฎ จนตระกูลลอว์เรนซ์เหลือทหารภักดีไม่กี่คน
ตระกูลลอว์เรนซ์ได้ถูกเวนเนสซ่าปฎิวัติลงจากอำนาจ และถูกพลเมืองมอนด์สตาดต์เนรเทศไม่ให้กลับมาเสนอหน้าอีก ปัจจุบันเริ่มมีลูกหลานของตระกูลลอว์เรนซ์สำนึกได้ว่าปู่ย่าตาทวดของตนนั้นทำกรรมหนักไว้กับเมือง ดังเช่น ยูล่า เป็นต้น
ยุคปัจจุบัน[]
ตระกูลลอว์เรนซ์ถูกอัปเปหิไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นที่ยังไม่ทราบแน่ชัด พวกนี้ชอบไปมีเรื่องกระทบกระทั่งกับชาวบ้านท้องถิ่นและต้องให้กองอัศวินฟาโวเนียสมาคอยไกล่เกลี่ยแต่ไม่นานก็จะมีปัญหาเดิมเกิดขึ้นอีก เนื่องจากมีสมาชิกตระกูลหลายคนยังคงถือหางเล่นบทผู้ถูกกระทำอยู่ไม่หาย
ลูกหลานตระกูลลอว์เรนซ์ยังคงแบกตราบาปและถูกชาวเมืองมองเป็นเสนียดสังคม กว่านางสาวยูล่าจะสมัครเข้าเป็นอัศวินฟาโวเนียสได้ต้องลำบากหาของป่าประทังชีวิตเองเพราะทั้งแผ่นดินไม่มีใครรับเงินคนลอว์เรนซ์เลย
เมื่อยูล่าสอบเข้าเป็นอัศวินสำเร็จทั้งชาวเมืองทั้งตระกูลลอว์เรนซ์ต่างพากันคัดค้านอลเวง สมาชิกตระกูลยกพวกกันไปประท้วงไม่ให้ยูล่าเข้าเป็นอัศวินถึงหน้ากองบัญชาการ เจ้าสำนักวาการ์และรักษาการณ์จีนอนุญาติให้ยูล่าเข้าเป็นอัศวินเนื่องจากพรสวรรค์เพลงดาบและคงเป็นการเสียของถ้าจะปฎิเสธไม่ให้เข้า ตระกูลลอว์เรนซ์ประนามให้ยูล่าเป็นคนทรยศมานับแต่บัดนั้น
หลังจากที่ยูล่าประจำการมาได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง อาของยูล่านามว่านายชูเบิร์ทได้สมรู้ร่วมคิดกันกับกลุ่มฟาทุอิเพื่อที่จะยึดเมืองกลับมาอยู่ใต้อำนาจเหล่าเจ้านายอีกครั้ง แผนการนี้ถูกยูล่าและนักเดินทางเปิดโปงย่อยยับ โดยยูล่าเดินทางเอาลูกน้องไปจับอาด้วยมือตัวเอง
หน้าอื่น ๆ[]
| |||||||||||||||||||||||||||||