Genshin Impact Wiki
Genshin Impact Wiki

ความปรารถนา เป็นเควสต์ส่วนที่เก้าในเนื้อเรื่อง Teyvat เควสต์เทพเจ้า บทที่ 2: ฉากที่ 3 - ไร้พะวงปลงคะนึง

ขั้นตอน[]

  1. ไปหา Yae Miko

ข้อแนะนำ[]

  • เมื่อทำภารกิจสำเร็จจะทำให้ได้รับความสำเร็จ สิ่งมหัศจรรย์บนโลก "พันมือร้อยเนตรในโลกหล้า"

บทพูด[]

Yae Miko: นี่คือนักเดินทางแห่งชัยชนะนี่นา มาขอพรที่ศาลเจ้าเหรอ?
Paimon: คุณบอกให้พวกเรามาหาไม่ใช่รีไง!
Yae Miko: ฮ่าฮ่าฮ่า... ล้อเล่นน่า ฉันก็กำลังรอพวกเธออยู่เหมือนกัน
Paimon: วันนี้ดูคุณ Miko อารมณ์ดีไม่เบาเลยนะ
Yae Miko: ใช่สิ ไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามาตั้งนาน ยังไงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรยินดีไม่ใช่เหรอ
Yae Miko: แต่ว่า หลังจากนั้นฉันได้ยินมาว่า เธอต่อสู้กับผู้บริหารของ Fatui ต่อหน้าโชกุนงั้นเหรอ ความกล้าหาญของเธอนี่น่ายกย่องจริงๆ
แค่ทำไปตามสถานการณ์น่ะ
ในตอนนั้นฉันหัวร้อนไปหน่อยน่ะ
Yae Miko: สามารถเอาชนะ Signora แบบตัวต่อตัวในการต่อสู้ได้ ความแข็งแกร่งของเธอนี่เกินกว่าความคาดหมายของฉันอีกนะ
Yae Miko: แต่จริง ๆ แล้วเอาชนะมาได้ก็ดีแล้วล่ะ ยินดีด้วยนะ
Paimon: ในที่สุดแผนของพวก Fatui ก็ถูกขัดขวางไว้สักที อิอิ
Paimon: อย่างน้อยครั้งนี้พวกเขาเอาโนชิสไปไม่สำเร็จ!
Yae Miko: เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้พวกเธอพูดถึง "โนซิส" รึเปล่า?
Yae Miko: คือของที่เหมือนกับหมากรุกนั่นใช่มั้ย?
Paimon: ใช่แล้ว ใช่แล้วล่ะ คุณ Miko ก็เคยเห็นงั้นเหรอ? โนซิสที่เป็นเจ้าของโดยเทพเจ้าทั้งเจ็ดและเชื่อมโยงกับ Celestia น่ะ!
Yae Miko: เอ่อ...
Paimon: ทำไมเหรอ?
Yae Miko: ของสิ่งนั้นน่ะเหรอ ฉันส่งมอบไปแล้วล่ะ:
อื้อ?
Paimon: อ๋า?
Yae Miko: ไม่อย่างนั้น พวกเธอคิดว่าฉันจะใช้อะไร เพื่อแลกชีวิตของเธอจาก Balladeer ล่ะ?
......
ที่จริงในตอนนั้นโนซิสก็...
Yae Miko: Balladeer ผู้บริหารอันดับหกของพวก Fatui ซึ่งแข็งแกร่งกว่า Signora ซะอีก
Yae Miko: ฉันไม่ใช่คนประเภทที่เสี่ยงชีวิตของตัวเองตลอดเวลาแบบนั้น
Paimon: ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีน่ะ
แต่แล้วทำไมโนซิสถึงอยู่ในมือของคุณได้ล่ะ
Yae Miko: หลังจากที่ Ei สร้างร่างหุ่นเชิดขั้นมา ก็ไม่มีที่เก็บโนซิสอีกต่อไป
Yae Miko: ในฐานะเพื่อนที่สนิทกับ Ei มากที่สุด Ei เลยมอบ "โนซิส" ให้ฉันและเก็บไว้ในศาลเจ้า Grand Narukami
Yae Miko: เธอไม่ต้องการพลังของโนชิสอีกต่อไป เธอบอกฉันว่าเธอได้ตัดสัมพันธ์กับ Celestia แล้ว
Yae Miko: ในเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว โนซิสไม่เพียงแต่จะไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งอีกด้วย
Yae Miko: ดังนั้น การใช้มันเพื่อแลกกับบุคคลสำคัญใน "แผนการ" นั่นไม่ใช่เรื่องดีรึไง?
Yae Miko: ดูจากผลลัพธ์ที่ได้ ที่จริงฉันก็ได้กำไรนะ ฮ่าฮ่า
Paimon: จะว่าไปก็ใช่นะ... ในใจของฉัน นักเดินทางก็มีค่ามากกว่าโนซิสนั่นซะอีก...
ก็ว่าทำไมถึงไม่เจอ Balladeer อีกเลย
ฉันนี่มีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ
Paimon: เฮ้อ ช่างเถอะ ๆ เรื่องนี้ยังไงก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ
Paimon: อืม แต่ว่าคุณ Miko ยังไม่ได้บอกพวกเราเลยนะ ว่าครั้งนี้เรียกพวกเรามาทำไมกัน
Yae Miko: ฮ่าฮ่า ก็เรียกมาขอบคุณน่ะสิ
Paimon: จริงเหรอ!
Yae Miko: ในเมื่อพวกเธอจะเดินทางไปทั่ว Teyvat แล้ว ถึงเวลาที่การเดินทางใน Inazuma จะสิ้นสุดลงแล้วใช่มั้ยล่ะ?
Yae Miko: เพื่อเป็นการขอบคุณ ไม่ว่าจะมีข้อสงสัยต่อเส้นทางของวันนี้และวันข้างหน้าหรือแม้แต่ในอดีต ก็ให้ฉันเป็นคนช่วยตอบคำถามของทั้งสองคนแล้วกันนะ
Yae Miko: มีอะไรอยากจะถามงั้นเหรอ?
เกี่ยวกับโชกุนหุ่นเชิด...
Yae Miko: หุ่นเชิดตัวนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่สูญเสียไปตามกาลเวลาน่ะ บางทีอาจมีเพียงเทพเจ้าอย่างเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ที่มาของมัน...
Yae Miko: แต่ว่า... ยังมีอีกเรื่องนึงที่พวกเธอน่าจะอยากรู้
Yae Miko: ก่อนที่ Ei จะเริ่มดัดแปลงร่างเทพเจ้าของเธอ เธอก็ได้สร้าง"หุ่นเชิดต้นแบบ" ขึ้นมาด้วย...
Paimon: ถะ ถ้างั้นก็มีโชกุน Raiden สามคนน่ะสิ!?
Yae Miko: ไม่หรอก ต้นแบบนั้นใช้เพื่อทดสอบความเป็นไปได้เท่านั้นแหละ ไม่ได้ถูกออกแบบตามรูปลักษณ์และความเฉลียวฉลาดของ Ei เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ทดลองน่ะ
Yae Miko: ตามแผนการเดิมก็คือให้ Ei ทิ้งเขาไปซะ แต่ Ei อาจคิดว่ามันโหดร้ายเกินไป สุดท้ายเธอเลยเลือกที่จะผนึกพลังที่อยู่ภายในตัวเขาเท่านั้น
Yae Miko: หลังจากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ผู้ชายทั่วไปที่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองบนดินแดน Inazuma จนกระทั่ง... พวก Fatui เกิดสนใจในตัวเขา
Paimon: Fatui!
Yae Miko: อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาบางคนในอันดับของ Fatui ได้ทำการปรับเปลี่ยนต้นแบบ ปลดล็อกพลังของเขา บางทีเขาอาจจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนก่อนที่จะถูกผนึกเสียอีก
เป็นไปได้มั้ยว่า...
Yae Miko: อืม สิ่งที่สร้างจากเทพเจ้าแย่งชิงโนซิสไปด้วยตัวของเขาเอง... และในวันนี้หุ่นเชิดต้นแบบนี้เป็นที่รู้จักในนามว่า "The Balladeer"
Paimon: มะ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ!
Yae Miko: ใช่แล้วล่ะ แต่นั่นเป็นเพราะความบังเอิญ หรือว่าถูกลิขิตเอาไว้กันแน่นะ
เกี่ยวกับโชกุน Raiden คนก่อน
Yae Miko: คนต่างแดนอย่างเธอรู้ด้วยเหรอว่าเคยมีการเปลี่ยนแปลงเทพแห่งสายฟ้าน่ะ... เรื่องนี้แม้แต่ชาวเมืองบางส่วนใน Inazuma ยังไม่ค่อยมีใครรู้เลยนะ
Paimon: Morax เคยบอกเรื่องนี้กับพวกเราน่ะ ว่าเทพแห่งสายฟ้า Baal ได้เสียชีวิตไปแล้ว...
Yae Miko: อืม ความจริงก็คือมีเทพอสูรฝาแฝดสองตนคือ Baal และ Beelzebul
Paimon: เทพอสูร... ฝาแฝด?
Yae Miko: พวกเธอเป็นผู้ชนะในสงครามเทพอสูร และหลังจาก Baal ก่อตั้ง Shogunate Beelzebul ก็กลายเป็น Kagemusha หรือ "นักรบแห่งเงา" ของเธอ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอทำหน้าที่เป็นร่างที่สองของ Baal น่ะ
Yae Miko: Beelzebul ก็คือ Ei ที่พวกเราทั้งคู่รู้จักกันดี ส่วน Baal นั้นมีชื่อว่า "Makoto"
Yae Miko: ในสายตาของผู้คนบนโลกจะมองเห็นว่าทั้งสองคนนี้คือคน ๆ เดียวกัน ทั้งสองคนต่างส่งเสริมเติมเต็มกันและกันและปกครอง Inazuma ร่วมกันเสมอมา เพราะแบบนี้ชาวเมืองจึงไม่จำเป็นต้องรับรู้ถึงความจริงในเรื่องนี้
Yae Miko: ไม่ว่าจะเป็นชื่อเทพอสูร Baal หรือฉายาโชกุน Raiden แท้จริงแล้วสามารถหมายถึงทั้งคู่พร้อมกันได้ จนกระทั่ง...
Paimon: จนกระทั่ง?
Yae Miko: จนกระทั่ง Makoto ตายไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนในสงครามที่ฉันไม่ได้ไปสัมผัสได้ด้วยตนเอง นับแต่นั้น Ei ก็ได้มาที่หน้าฉาก
Paimon: การสูญเสียพี่สาวจะต้องทำให้ Ei สะเทือนใจมากแน่เลยสินะ...
สงคราม... เมื่อหลายร้อยปีก่อน
Yae Miko: หลังจากนั้น Ei ก็เปลี่ยนไป นี่น่าจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของเธอน่ะ
Paimon: ที่จริงเรื่องราวในอดีตก็เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ Ei เพิ่มขึ้นอีกหน่อยแล้วล่ะ... อืม แล้ว Makoto เป็นเทพเจ้าแบบไหนกัน?
Yae Miko: ฉันไม่ได้ใช้เวลากับเธอนานเท่าไหร่น่ะ เท่าที่จำได้... ก็เป็นเทพเจ้าที่อ่อนโยนคนนึงที่มักจะเห็นคุณค่าของสิ่งสวยงามที่อยู่ตรงหน้า
Paimon: แบบนี้นี่เอง...
เกี่ยวกับ(น้องสาว/พี่ชาย)ของฉัน...
Yae Miko: ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่มีเงื่อนจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ฉันไม่รู้จักเทพเจ้าคนที่เธอพูดถึงเลยนะ
Yae Miko: แต่ถ้าพวกเธอยังสงสัยในตัว Ei ละก็ พวกเธอคงคิดมากไปแล้วล่ะ
Yae Miko: Ei ไม่เหมาะกับสิ่งที่พูดถึงหรอกนะ อีกอย่างเธอก็เป็นคนละทิ้งโนชิสและตัดขาดความสัมพันธ์กับ Celestia ด้วยตัวเองไปตั้งนานแล้วล่ะ
พอเจอกับเธอแล้ว ก็รู้สึกเหมือนกันว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น
Yae Miko: งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นในฐานะที่ฉันเป็นคนสนิทของเทพแห่งสายฟ้า อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราดูน่าอึดอัดขึ้นนิดหน่อยนะว่ามั้ย?
Paimon: วางใจเถอะ พวกเราไม่คิดจะต่อสู้กับคุณหรอก!
Yae Miko: ฮ่าฮ่าฮ่า... ฉันหวังว่าพวกเธอจะมองเห็นความจริงในเร็ววันนะ
Yae Miko: ส่วนเรื่องเบาะแสของน้องสาวของเธอ ฉันจะพยายามใช้คนที่มีอยู่ตามหาให้นะ อาจจะต้องยืมลูกน้องจากพวก Ayaka ด้วย
Yae Miko: ถ้าได้เรื่องยังไงฉันจะบอกเธอนะ ถือว่านี่เป็นการแสดงการขอบคุณเธอก็แล้วกัน
เกี่ยวกับการเดินทางขั้นต่อไป...
Yae Miko: หลังจากออกจาก Inazuma แล้ว ฉันว่า... ถ้ามุ่งหน้าไปที่ Sumeru การเดินทางน่าจะราบรื่นกว่านะ
Paimon: Sumeru งั้นเหรอ ระหว่างทางพวกเราเจอนักวิชาการจาก Sumeru หลายคนเลยละ
Yae Miko: อึม Sumeru เป็นเมืองของเทพแห่งปัญญาน่ะ การแสวงหาปัญญาและความรู้ของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด
Yae Miko: แต่ความหมกมุ่นพวกนี้มักจะนำไปสู่สิ่งที่คนยากจะเข้าใจ เช่น...
Yae Miko: ...ที่ Sumeru ปัญญาถือเป็นทรัพยากรอย่างนึงที่ต้องมีการจัดการแบบองค์รวมน่ะ
Paimon: ปัญญา.. ก็เป็นทรัพยากรงั้นเหรอ?
Yae Miko: อืม เพียงแต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการตัดสินใจแบบนี้เป็นของ "นักปราชญ์" พวกนั้น หรือว่าเป็นของ "Lesser Lord Kusanali" กันแน่
Paimon: Lesser Lord Kusanali? ชื่อดูน่ารักจังเลยนะ
Yae Miko: เอ๋ พวกเธอไม่รู้เรื่องนี้งั้นเหรอ Lesser Lord Kusanali เป็นถึงเทพเจ้าที่ผู้คนใน Sumeru นับถือ นี่เป็นชื่อเรียกด้วยความรักที่ผู้คนใน Sumeru ใช้เรียกเธอน่ะ
Yae Miko: คิดว่าพวกเธอคงมีเรื่องที่อยากให้เธอยืนยันด้วยตัวเองสินะ? ขอให้พวกเธอเดินทางอย่างราบรื่นนะ
ไม่มีอะไรจะถามแล้วล่ะ
Yae Miko: อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ดี อ่า ใช่แล้วล่ะ นักเดินทาง เครื่องรางที่ฉันให้เธอไว้เธอยังเก็บไว้รึเปล่า?
แน่นอนสิ ฉันเก็บไว้อย่างดีเลยล่ะ
Yae Miko: แค่เอาไปเก็บไว้อย่างเดียวเลยงั้นเหรอ?
Yae Miko: ฉันคิดว่าเธอจะแขวนมันไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดบนหน้าอกของเธอ เวลามีใครเข้ามาถามก็จะบอกทุกคนว่า นี่คือของขวัญจากท่าน Yae Miko ผู้เปี่ยมทั้งสติปัญญาและความงามซะอีก
Paimon: ใครเขาจะทำแบบนั้นกันล่ะ!
Yae Miko: ฮ่าฮ่า... เอาล่ะ ๆ จะว่าไปนักเดินทาง ตอนนี้ความปรารถนาของเธอคืออะไรล่ะ?
อืม... คือการได้กลับมาเจอกับน้องสาวอีกครั้งล่ะมั้ง?
Yae Miko: แบบนั้นเหรอ แต่ฉันคิดว่านั่นอาจเป็นเพียงเป้าหมายเล็ก ๆ ตรงหน้าของเธอเท่านั้นเอง
Yae Miko: "ความปรารถนา" สำหรับเธอควรเป็นสิ่งที่สามารถข้ามโลกและดวงดาว และเปล่งประกายออกมาด้วยโชคชะตา
Yae Miko: เธอไม่มีวิชั่น บางทีความปรารถนานั้นอาจจะยังไม่เกิด... ก็ได้นะ
Yae Miko: ให้การเดินทางในอนาคตของเธอเป็นตัวยืนยันช่วงเวลานั้นแล้วกัน
(เมื่อคุยกับ Yae Miko อีกครั้งหลังจบเควสต์)
Yae Miko หัวข้อที่คุยเมื่อกี้อาจจะดูจริงจังไปหน่อย เธอคงชอบให้ฉันแกล้งเธอมากกว่าสินะ? ฮ่าฮ่า...
(เริ่มบทพูด "เกี่ยวกับ [...]" ใหม่ตามด้านบน)

ประวัติการเปลี่ยนแปลง[]

เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน 2.1

หน้าอื่นๆ[]