Genshin Impact Wiki
Genshin Impact Wiki
Advertisement
Genshin Impact Wiki

กฎแห่งสวรรค์ เป็นเทพเจ้าบรรพบุรุษ ผู้ถูกกล่าวว่ามาจากนอกโลก[7][2] และในปัจจุบันเป็นผู้ปกครองแห่ง Celestia และ Teyvat โดยทั้งการวางแผนในการปกครองและการเกิดแผนการเข้าต่อต้าน ทำให้กฎแห่งสวรรค์ได้กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังของความขัดแย้งหลักภายในเกม ซึ่งทั้ง Abyss Order และ Fatui ต่างได้พยายามโค่นล้มและยุติการปกครองของกฎแห่งสวรรค์เหนือ Teyvat[หมายเหตุ 1]

โดยจากการเปิดเผยของหนังสือ อดีตของตะวันและจันทรา ตัวตนของกฎแห่งสวรรค์ได้ถูกเรียกว่า "ราชาองค์แรก" ซึ่งผู้ที่แต่งหนังสือได้สันนิษฐานว่า กฎแห่งสวรรค์อาจมีชื่อว่า "Phanes"

กฎแห่งสวรรค์ได้หลับใหลลง ภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติเมื่อ 500 ปีก่อน[8]

เทพเจ้านิรนาม ผู้หยุดนักเดินทางและฝาแฝดของนักเดินทางเมื่อ 500 ปีก่อนในฉากคัตซีนเปิดเกม ได้แนะนำตัวเธอเองว่าเป็น "ผู้ยึดมั่นในหลักการแห่งสวรรค์ (กฎแห่งสวรรค์)" ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีความหมายว่าอย่างไร


หมายเหตุ: เนื่องจากเนื้อเรื่องของ Genshin Impact ได้จงใจทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎแห่งสวรรค์มีความคลุมเครือ ภายในบทความนี้จึงมีทั้งข้อมูลที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเกี่ยวข้องกับกฎแห่งสวรรค์ รวมไปถึงข้อมูลที่ถูกสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับกฎแห่งสวรรค์แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน

สำหรับการอ้างอิงข้อมูล ได้มีการจัดที่มาอ้างอิงไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ยังมีหมายเหตุที่ช่วยขยายความเกี่ยวกับการสันนิษฐานและเหตุผลที่ใช้ในการสรุปข้อมูลบางประการ ซึ่งสามารถอ่านได้โดยการเลื่อนเมาส์ (สำหรับผู้ใช้เดสก์ท็อปเท่านั้น) หรือคลิกดูที่ส่วนหมายเหตุ

โปรไฟล์[]

ท่านหญิงน้อย Kusanali ได้ตั้งสมมติฐานว่า กฎแห่งสวรรค์ คือผู้มาเยือนคนแรก ซึ่งเป็นผู้ที่มาจากนอกโลก จึงทำให้ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ใน Irminsul[2] โดยเขาได้เข้ายึดการปกครองของโลกจากราชาโบราณทั้งเจ็ด ผู้ซึ่งเป็นเจ็ดราชามังกรโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแต่ละพลังธาตุของตน และสุดท้ายเขาจึงได้รับชัยชนะเหนือราชาโบราณทั้งเจ็ด ในเวลาต่อมา เขาได้เข้าต่อต้านผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความรู้ต้องห้าม ซึ่งได้ถูกนำเข้ามาในโลกโดยราชามังกร Nibelung เขาจึงได้ส่งตะปูศักดิ์สิทธิ์ลงมา เพื่อทำให้โลกกลับมาอยู่ในเสถียรภาพ แต่กลับเป็นการสร้างความหายนะให้กับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลก[9][3]

กฎแห่งสวรรค์ได้ถูกคาดการณ์ว่าเป็นผู้สร้าง "กฎ" ของ Teyvat ซึ่งในปัจจุบัน กฎดังกล่าวได้ปรากฏเป็นรูปร่างอยู่ในรูปแบบของโนซิส[2] โดยมีลักษณะเป็นหมากรุกเจ็ดตัวที่เดิมได้ถูกมอบให้กับเทพเจ้าทั้งเจ็ด เพื่อให้พวกเขาสามารถสอดประสานกับ Celestia ได้โดยตรง[10] โดยเมื่อเทพเจ้าตนแรกในบรรดาเทพเจ้าทั้งเจ็ด ได้ปรากฏตัวขึ้นในสงครามเทพอสูร ซึ่งเป็นยุคแห่งความโกลาหลและการทำลายล้างในสงครามทั่ว Teyvat ที่ได้นำไปสู่การเสียชีวิตหรือการหายตัวไปของเทพเจ้าจำนวนมาก เมื่อสงครามได้สิ้นสุดลง เทพเจ้าทั้งเจ็ดจึงได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกฎแห่งสวรรค์ และต้องปฏิบัติตามกฎและข้อจำกัดที่ถูกกำหนดไว้ โดยหนึ่งในข้อจำกัดนั้นคือการห้ามอธิบายถึงหลักการการส่งมอบวิชั่น "อีกด้านหนึ่ง" (ซึ่งด้านแรกคือการมอบให้ตาม "ความปรารถนา" ของผู้คน)[11]

คำว่า "กฎ" ยังได้ถูกกล่าวถึงอย่างเจาะจงในเกร็ดหน้าจอการโหลด ("Teyvat มี "กฎเกณฑ์" ของตัวเองดำรงอยู่") และในหนังสือ คัมภีร์บทเพลงลอยละล่อง ซึ่งเป็นคำตอบของปริศนาในข้อที่สอง:

"สิ่งที่ท่านกล่าวมาคือกฎที่สวรรค์กำหนดไว้ เป็นแผนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม"
"ไม่มีผู้ใดในโลกเคยเห็นกฎหมายอันเป็นนิรันดร์ แต่กฎหมายสามารถปกครองสรรพสิ่งในโลกได้เสมอ"
"ผู้คนสามารถหมอบกราบต่อเทพสวรรค์ Vaana แต่ไม่ควรยกย่องแผนการเจ้าเล่ห์เพทุบาย"
"หากผู้ใดกล้าเลียนแบบวิชาต้องห้าม สิ่งที่รอคอยเราอยู่ริมหน้าผาแห่งปัญญา ก็คือความพินาศนั่นเอง"

กฎแห่งสวรรค์มีความสามารถในการสร้างคำสาปที่ไม่สามารถลบล้างได้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพของบุคคลได้อย่างรุนแรง[12] โดยเหล่า Hilichurl ซึ่งแท้จริงแล้วคือมนุษย์ที่ถูกสาปให้เปลี่ยนรูปร่าง ต้องทนทุกข์อยู่กับ "คำสาปในถิ่นทุรกันดาร" ที่ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียทั้งรูปร่างและสติปัญญาไป โดยคำสาปนี้เป็นคำสาปที่ได้ถูกมอบให้กับชาว Khaenri'ah ที่ไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์ในช่วงเหตุการณ์ภัยพิบัติ อีกทั้งเหล่า Hilichurl เอง ก็ได้มีมาอยู่บนโลกตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ภัยพิบัติแล้ว[13] ซึ่งอาจสันนิษฐานได้ว่า คำสาปนี้ได้เคยมีการสาปลงมาแก่มนุษย์ในอดีตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ แต่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าได้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลใด สำหรับชาว Khaenri'ah ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ พวกเขาต่างได้รับคำสาปให้มีชีวิตเป็นอมตะแทน ซึ่งคล้ายกับคำสาปที่ได้ใช้ลงโทษแก่เหล่า Seelie ภายหลังจากสงครามกับราชาโบราณทั้งเจ็ด ที่ทำให้เหล่า Seelie ต้องถูกลดทอนเหลือเพียงรูปร่างขนาดเล็กตามที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แต่ได้มี Seelie บางตน เช่น Nabu Malikata และ Seelie ใน เรื่องราวของลูกค้าขี้เมา ที่สามารถรอดพ้นจากส่วนที่ร้ายแรงที่สุดของคำสาปได้[3][14]

ลักษณะรูปร่าง[]

กฎแห่งสวรรค์ได้ถูกอธิบายว่าเป็นผู้ที่มีลักษณะที่ยากจะจำแนกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง ซึ่งมีปีก และสวมมงกุฎบนศีรษะ[15]

เรื่องราว[]

ประวัติศาสตร์โบราณ[]

ในช่วงเวลาที่ถูกเรียกว่า "ยามนกพิราบคาบกิ่งมะกอก" ได้มีการปรากฏตัวของ "บัลลังก์นิรันดร์บนสวรรค์" ขึ้น ส่งผลให้โลกได้ถูกพลิกโฉมใหม่ ซึ่งได้แยก "พิภพเล็ก ๆ ของโลก" ออกจากจักรวาล กฎแห่งสวรรค์จึงได้เข้าต่อสู้กับราชาโบราณทั้งเจ็ด และเมื่อสิ้นสุดลงจึงได้สร้างเงาทั้งสี่ของตนเองขึ้น โดยหนึ่งในเงาทั้งสี่นั้นมีชื่อว่า Istaroth ผู้ซึ่งครอบครองอำนาจเหนือกาลเวลาและสายลม และเงาอีกร่างหนึ่งซึ่งได้ถูกมอบหมายให้สร้างสิ่งมีชีวิตและได้ใช้ทะเลบรรพกาลสร้าง Egeria ขึ้น เพื่อให้ทำหน้าที่รับผิดชอบพลังอำนาจแทนอดีตมังกรวารี[16]

ภายหลังจากนั้นเป็นเวลา 40 ปี กฎแห่งสวรรค์จึงได้รับชัยชนะเหนือราชาโบราณทั้งเจ็ด และได้เริ่มต้นการสร้างสวรรค์และโลก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์ ในท้ายที่สุด มนุษย์จึงได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 400 ปีภายหลังจากการปรากฏตัวของกฎแห่งสวรรค์ และมนุษย์เหล่านั้นจึงได้เริ่มต้นทำพันธสัญญาไว้กับกฎแห่งสวรรค์[15] ต่อมาภายหลังจากการเกิดมหาสงคราม กฎแห่งสวรรค์จึงได้สูญเสียตำแหน่งและไม่สามารถยับยั้งกฎดั้งเดิมของ Teyvat ได้[17]

กฎแห่งสวรรค์ได้มีแผนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่ามนุษย์ โดยผู้จดบันทึกของ Istaroth ได้เรียกปีถัดจากปีที่มนุษย์ได้ทำพันธสัญญาไว้กับกฎแห่งสวรรค์ว่า "ปีแห่งการเปิดเรืออาร์ค" ตามมาด้วย "ปีแห่งงานรื่นเริง" ซึ่งในช่วงเวลานี้ โลกจะมอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับเหล่ามนุษย์ โดยมีข้อห้ามเพียงประการเดียวคือห้ามยอมจำนนต่อสิ่งล่อใจ[15]

ต่อมาในช่วงเวลาที่ยังไม่ทราบแน่ชัดภายหลังจากการสร้างมนุษย์ ราชาองค์ที่สอง หรือ บัลลังก์ที่สองของสวรรค์ ได้ลงมาจาก "ฟากฟ้า"[3] นำมาซึ่งการทำลายล้างและโรคระบาด โดยผลจากสงครามที่เกิดขึ้นได้เข้าทำลายล้างทั้งโลกและสวรรค์[9] ทำให้ต่อมาจึงได้เกิดความเชื่อว่า มีเพียงพลังจากนอกโลกเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะในสงครามครั้งนี้ได้ ราชามังกร Nibelung จึงได้พบกับความรู้ต้องห้ามและได้นำมาใช้ต่อสู้กับกฎแห่งสวรรค์ ด้วยความหวาดกลัวต่อ "ความหลงผิดและความก้าวหน้า" ที่ถูกนำเข้ามาโดยผู้รุกราน กฎแห่งสวรรค์จึงได้ใช้ตะปูศักดิ์สิทธิ์เพื่อป้องกันไม่ให้โลกพังทลาย แต่กลับเป็นการสร้างความหายนะให้กับโลกมนุษย์[3] สวรรค์และโลกได้ถูกแยกออกจากกัน และในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งนี้ Enkanomiya ได้ตกลงไปสู่ห้วงทะเลลึก แม้ผู้คนที่ตกลงไปจะได้ส่งเสียงคร่ำครวญ แต่กฎแห่งสวรรค์และเงาทั้งสามไม่อาจได้ยินได้ มีเพียง Istaroth เท่านั้นที่ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา[15] และภายหลังสงคราม กฎแห่งสวรรค์และผู้มาทีหลังอีกคนได้ร่วมกันสร้างโนซิส เพื่อใช้ในการควบคุมและระงับความไม่พอใจและความขุ่นเคืองของโลก[17]

สองปีต่อมาภายหลังจากการสร้าง Dainichi Mikoshi ผู้คนจาก Enkanomiya ได้พยายามหาทางกลับขึ้นสู่พื้นผิวโลก แต่ได้พบว่า "พลังของคำสั่งแห่งสวรรค์" ได้ขัดขวางพวกเขาไว้ไม่ให้สามารถกลับขึ้นไปได้ ผู้จดบันทึกของ Istaroth เชื่อว่าคำสั่งห้ามนี้ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยกฎแห่งสวรรค์ ซึ่งอาจหมายความว่ากฎแห่งสวรรค์ได้รับชัยชนะเหนือราชาองค์ที่สองแล้ว[15] ขณะที่ Eboshi ได้ระบุว่ามันเป็นผลมาจาก "ภาคีแห่งสวรรค์" แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่าใครอยู่เบื้องหลังภาคีนี้ ในช่วงสงครามเทพอสูร พลังของคำสั่งแห่งสวรรค์ได้อ่อนกำลังลง ทำให้ Orobashi สามารถตกลงมายัง Enkanomiya และในทางกลับกัน ก็ได้สามารถนำพาผู้คนใน Enkanomiya กลับขึ้นสู่พื้นผิวโลกได้[18]

แม้ว่า Seelie จะเคยเข้าต่อสู้กับผู้รุกรานที่มาจากฟากฟ้า แต่พวกเขากลับถูกลงโทษด้วยการถูกเนรเทศออกจากสวรรค์ และถูกลดทอนรูปร่างอันงดงามและสติปัญญาของตนเองไป[3] การลงโทษนี้อาจเกี่ยวข้องกับตำนานบรรพบุรุษของ Seelie ที่ได้กลับมาพบกับ "นักเดินทางจากแดนไกล" และได้เกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นในอีกสามสิบวันต่อมา ทำให้โลกได้พังทลายลง และพวกเขาต้องหนีออกจากพลังลึกลับที่ไม่สามารถระบุได้ พวกเขาได้ถูกจับตัวและถูกลงโทษด้วยการให้ถูกแยกออกจากกันตลอดกาลและได้ถูกลบความทรงจำไป โดยตามตำนานกล่าวว่า ความโศกเศร้าของ Seelie และพี่น้องดวงจันทร์ต่อเหตุการณ์นี้ ได้ทำให้พวกเขาค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลง จนชิ้นส่วนของพวกเขาได้กลายมาเป็น Seelie ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน[19]

ตามตำนานอีกตำนานหนึ่ง Morax ผู้ซึ่งมีอายุมากกว่า 6,000 ปีในปัจจุบัน[20] ในสมัยที่ยังเยาว์วัย พี่น้องดวงจันทร์ได้เสียชีวิตลงในเหตุการณ์ภัยพิบัติบางอย่าง[21] ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าภัยพิบัตินี้ได้เป็นเหตุการณ์เดียวกันกับความขัดแย้งระหว่างกฎแห่งสวรรค์กับราชาโบราณทั้งเจ็ดหรือไม่ แต่เรื่องดังกล่าวได้ให้การประมาณคร่าว ๆ ว่าเหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใด

สงครามเทพอสูร[]

บทสนทนาระหว่าง Scaramouche และ Nahida ได้บ่งบอกว่า กฎแห่งสวรรค์เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดสงครามเทพอสูร ซึ่งเป็นสงครามที่เหล่าเทพเจ้าได้เข้าต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดและเข้าครอบครองโนซิส อันเป็นวัตถุที่เป็นสัญลักษณ์ของกฎแห่งสวรรค์ในการควบคุม Teyvat และกฎทั้งปวง โดย Scaramouche ได้กล่าวถึงสงครามเทพอสูรว่า "บนโนซิสของเทพเจ้าทุกองค์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก คงต่างก็สลักคำว่าความขัดแย้งไว้ทั้งหมดล่ะมั้ง" ซึ่งท่านหญิงน้อย Kusanali ได้ตอบกลับว่า "มันก็แค่ความสูญเสียอันไร้ค่าที่เกิดจากการขับเคลื่อนของ "กฎเกณฑ์" ก็เท่านั้น"[8]

ประมาณ 2,000 ปีก่อน และก่อนที่สงครามเทพอสูรจะสิ้นสุดลง กฎแห่งสวรรค์ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเทพอสรพิษ Orobashi และเกาะ Watatsumi หลังจากที่ Orobashi ไม่สามารถเอาชนะเทพเจ้าองค์อื่นอีกสององค์ในสงครามเทพอสูรได้ Orobashi จึงได้หลบหนีไปยัง Dark Sea แต่ได้ตกลงไปในรอยแยกและได้ค้นพบผู้คนจาก Enkanomiya[22] — ดินแดนเศษซากที่หลงเหลือรอดของอารยธรรมโบราณที่เคยเป็นหนึ่งเดียวกันของกฎแห่งสวรรค์ ซึ่งได้รอดพ้นจากการทำลายล้างและได้จมลงสู่ใต้ทะเลในช่วงการต่อสู้กับราชาองค์ที่สอง แม้ว่าผู้คนใน Enkanomiya จะพยายามค้นหาวิธีที่จะกลับขึ้นสู่พื้นผิวโลกในอดีต แต่ความพยายามของพวกเขากับต้องสิ้นสุดลงด้วยความล้มเหลว เนื่องจากคำสั่งห้ามที่ถูกมอบไว้ให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ทำให้ไม่สามารถหาหนทางกลับขึ้นไปได้ โดยคำสั่งห้ามนี้ได้ถูกกล่าวถึงโดยผู้เขียนหนังสือ อดีตของตะวันและจันทรา ว่าเป็นฝีมือของราชาองค์แรก[15] และยังได้ถูกกล่าวถึงโดย Eboshi อย่างกว้าง ๆ ว่าเป็นฝีมือของ "ภาคีแห่งสวรรค์" โดยรอยแยกที่ Orobashi ได้ตกลงไปนั้น ได้ถูกเชื่อว่าเกิดจากการที่พลังของคำสั่งแห่งสวรรค์ได้อ่อนแอลง[23] ในเวลาต่อมา Orobashi ได้ยอมรับที่จะกลายเป็นเทพเจ้าของผู้คนใน Enkanomiya แต่สิ่งนี้ได้ทำให้ Orobashi ได้ค้นพบกับหนังสือ อดีตของตะวันและจันทรา ซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ของโลกที่กฎแห่งสวรรค์ไม่ต้องการให้มีผู้รับรู้ กฎแห่งสวรรค์จึงได้บังคับให้ Orobashi สละชีวิตของตนเองเพื่อแลกกับการอนุญาตให้ผู้คนใน Enkanomiya สามารถกลับขึ้นสู่พื้นผิวโลกได้ ซึ่งเบื้องหลังความจริงของการสละชีวิตของ Orobashi นั้นยังเป็นเรื่องปริศนา โดยมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้ช่วยเหลือใกล้ชิดของเขาเท่านั้นที่ได้รับรู้[23] ต่อมาหนังสือ อดีตของตะวันและจันทรา จึงได้ถูกสั่งห้าม และความพยายามของนักสืบจาก Khaenri'ah ที่ต้องการขโมยหนังสือเล่มนี้ เพื่อที่จะนำความลับออกมานั้นก็ได้ถูกขัดขวางลงไป[24]

การสละชีวิตของ Orobashi ได้ปรากฏออกมาในรูปแบบของสงครามอันสิ้นหวังต่อโชกุน Makoto และ Ei ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับแรงกระตุ้นมาจากการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติของเกาะ Watatsumi ทำให้ประชาชนของเกาะต้องการที่จะออกไปพิชิตเกาะ Yashiori ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของโชกุน สงครามครั้งนี้จึงได้กลายมาเป็นหายนะของชาว Watatsumi เมื่อต่อมา Orobashi ได้ถูกสังหารลงโดย Musou no Hitotachi ของ Ei ในขณะที่บุคคลสำคัญคนอื่น ๆ ของเกาะ ก็ได้ถูกสังหารลงหรือได้หายสาบสูญไป[25] ในช่วงเวลาที่ Orobashi ใกล้จะเสียชีวิต เขาได้เงยหน้าแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตนเอง[26]

ในช่วงเวลาหนึ่ง เทพแห่งน้ำ Egeria ได้สร้าง "ชีวิต" ขึ้น โดยการเปลี่ยนให้เหล่า Oceanid ซึ่งเป็นผู้ติดตามของเธอได้กลายมาเป็นมนุษย์ โดยวิธีการนำน้ำทะเลบรรพกาลมาสร้างขึ้นเป็นหลอดเลือด เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเหล่า Oceanid ที่ต้องการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ แต่การกระทำดังกล่าวไม่รอดพ้นสายตาของกฎแห่งสวรรค์ กฎแห่งสวรรค์จึงได้ทำการลงโทษเธอและสิ่งมีชีวิตที่เธอสร้างขึ้น ซึ่งเป็น "ปฐมบาป" ของการสร้าง "ชีวิต" ขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ประกาศคำพยากรณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมขึ้นเพื่อละลายชาว Fontaine ทุกคน และจะเหลือเพียงเทพแห่งน้ำเท่านั้นที่จะยังคงอยู่[27] Egeria จึงไม่ต้องการให้เหล่าผู้ติดตามของเธอได้รับอันตราย เธอจึงได้เลือกให้ Focalors หนึ่งใน Oceanid ผู้ติดตามของเธอ ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพแห่งน้ำเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ภัยพิบัติ[]

เมื่อ 500 ปีก่อน ได้มีความรู้ต้องห้ามจำนวนมาก[28] หลั่งไหลออกมาจาก Khaenri'ah สร้างความหายนะต่อทั้ง Khaenri'ah และ Teyvat ทำให้เหล่าเทพเจ้าทั้งเจ็ด (ยกเว้นท่านหญิง Rukkhadevata ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีหน้าที่ปกป้อง Irminsul) ได้เข้ามารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามจาก Khaenri'ah[8] โดยการต่อสู้หนึ่งได้เกิดขึ้นที่ Tunigi Hollow ซึ่งเทพแห่งน้ำองค์แรก Egeria ได้ถูกสังหารลง ทำให้ต่อมาพลังและจิตสำนึกของเธอที่หลงเหลืออยู่ ได้ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายมาเป็น Harvisptokhm โดยท่านหญิง Rukkhadevata ผู้ยิ่งใหญ่[29] และถูกใช้เพื่อเป็นผนึกป้องกันไม่ให้พลังของ Abyss รุกล้ำเข้าสู่ Teyvat ได้ ส่วนเทพองค์อื่น ๆ ได้เข้าไปสู่ส่วนลึกของ Khaenri'ah ที่ซึ่งต่อมา Raiden Makoto เทพแห่งสายฟ้าได้ถูกสังหารลง[30]

"เหล่าทวยเทพ" ได้ทำลายล้าง Khaenri'ah จนสิ้นซาก[31] แม้จะเป็นไปได้ว่าเทพเจ้าทั้งเจ็ดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไม่มีความเต็มใจ[32] และชาว Khaenri'ah ที่ได้รอดชีวิตภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์นี้ต่างก็ได้รับมาซึ่งคำสาป โดยชาว Khaenri'ah ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์จะได้รับ "คำสาปแห่งชีวิตอมตะ" ในขณะที่ผู้อื่น — ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มาจาก Teyvat หรือผู้ที่เกิดจากการแต่งงานข้ามสายเลือด — จะได้รับ "คำสาปในถิ่นทุรกันดาร" ซึ่งได้เปลี่ยนให้พวกเขากลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตในหลากหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่พวกเขาได้กลายมาเป็นเหล่า Hilichurl[33] ภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทำให้เทพเจ้าบางตนเกิดความขุ่นเคืองใจ เช่น Ei เทพแห่งสายฟ้าองค์ใหม่และฝาแฝดของ Makoto ได้ตัดความสัมพันธ์กับกฎแห่งสวรรค์ และได้ฝากโนซิสของเธอไว้ให้อยู่ในความครอบครองของ Yae Miko[34][35] ในขณะที่ Tsaritsa ได้ร่วมมือกับ Pierro อดีตจอมเวทหลวงของ Khaenri'ah[36] เพื่อก่อตั้ง Fatui[37]

ฝาแฝดของนักเดินทางผู้ปรากฏตัวใน Khaenri'ah หลังจากที่ "ท้องฟ้าตอบรับคำอัญเชิญ"[36] ได้กลายมาเป็น (องค์หญิงองค์หญิง/องค์ชายองค์ชาย) แห่ง Khaenri'ah[38] และได้รู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์การทำลายล้าง Khaenri'ah ที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงได้พยายามที่จะหลบหนีออกไปจากโลกนี้หลังจากได้ปลุกนักเดินทางให้ตื่นขึ้นมา และได้พยายามไปจนไปถึง Celestia[หมายเหตุ 2] ก่อนที่พวกเขาจะถูกสกัดกั้นและถูกผนึกโดยเทพเจ้านิรนาม

ด้วยเหตุการณ์บางอย่าง ฝาแฝดของนักเดินทางจึงได้ออกเดินทางไปทั่ว Teyvat ซึ่งในบางครั้งก็ได้ออกเดินทางไปร่วมกันกับ Dainsleif ในเวลาต่อมาฝาแฝดได้กลายมาเป็นผู้นำของ Abyss Order องค์กรที่ถูกก่อตั้งโดย Chlothar Alberich ซึ่งเป็นองค์กรที่เคารพบูชาสิ่งที่เรียกตัวเองว่า "คนบาป" [39] และมีเป้าหมายที่จะทำลายกฎแห่งสวรรค์ด้วยการกลืนกิน "บัลลังก์" โดย Abyss[40][41] ซึ่ง Dainsleif ได้ต่อต้าน Abyss Order และเชื่อว่าการปลุกความโกรธกริ้วของเหล่าทวยเทพจะทำให้เกิดความผิดพลาดของ Khaenri'ah ในอดีตซ้ำขึ้นอีกครั้ง[31]

(รอการเพิ่มเติม)

ในปัจจุบัน[]

Qiqi JP 700k Twitter Icon
หน้าเพจนี้ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โปรดคลิกที่นี่เพื่อแก้ไขและเพิ่มข้อมูล

(รอการเพิ่มเติม)

เมื่อ Mavuika ได้รับพลังจากผู้กล้าโบราณทั้งหก (ซึ่งได้ส่งต่อนามโบราณสืบทอดต่อกันมาจนถึงผู้กล้าในยุคปัจจุบัน) และพลังของ Ronova เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของ Abyss ภายใน Natlan พลังดังกล่าวได้เข้าโจมตีและทะลุไปยังท้องฟ้า โดยได้เปิดเผยให้เห็น "ภาพสะท้อนแห่งสวรรค์" และชิ้นส่วนที่ลอยอยู่กลางอากาศหลายชิ้นก่อนที่มันจะถูกท้องฟ้าปกคลุมกลับไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งต่อมานักเดินทางได้ถามเรื่องดังกล่าวกับ Mavuika เธอจึงได้กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่จะต้องมีการตรวจสอบ เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่ยังไม่เคยมีการพบเห็นมาก่อนใน Teyvat โดยเธอเชื่อว่ากฎแห่งสวรรค์อาจต้องการรักษาความลับนี้ไว้ และหวังว่าพวกเขาจะไม่มาหาเรื่องเธอที่ได้เปิดเผยมันออกมา[42]

การกล่าวถึงตัวละคร[]

เรื่องราวของตัวละคร

ตัวละครเรื่องราว

เสียงพากย์ตัวละคร

ตัวละครเสียงพากย์

เกร็ดข้อมูล[]

  • ในมังงะตอนบทนำ — Venti ได้จินตนาการถึงสามบุคคลปริศนาในร่างเงาดำ เมื่อ Vennessa ได้ขอให้เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Celestia ให้เธอฟัง ทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและได้หลีกเลี่ยงประเด็นนี้อย่างทันที จึงเป็นผลทำให้ยังไม่ทราบถึงตัวตนของบุคคลเหล่านั้นอย่างแน่ชัด อย่างไรก็ตาม กฎแห่งสวรรค์ได้เข้าควบคุม Celestia มาก่อนที่ Venti จะขึ้นสู่ความเป็นเทพและเป็นหนึ่งในเทพเจ้าทั้งเจ็ดแล้วเมื่อ 2,600 ปีก่อน[43] จึงทำให้ทั้งสามบุคคลนี้มีแนวโน้มที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกฎแห่งสวรรค์ในบางประการ
  • ในคำอธิบายของ Staff of the Scarlet Sands ได้เริ่มต้นด้วยเรื่องราวการสร้างโลก ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างโลกใหม่อีกครั้ง ภายหลังจากที่มีการส่งตะปูศักดิ์สิทธิ์ลงมา โดยราชา Deshret ได้บรรยายว่า "จากนั้นเป็นการสถาปนานักบวชทั้งเจ็ด เพื่อจัดการวิถีดิน น้ำ และวงโคจรของกลุ่มดาว" ซึ่งอาจหมายถึงบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดที่ในปัจจุบันได้ถูกถือครองโดยเทพเจ้าทั้งเจ็ด และยังหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มดาวกับผู้ถือครองวิชั่น[44] ก่อนที่เขาจะได้มีความคิดเห็นต่อทันทีว่า "แม้ว่าท้องฟ้าทรงกลมจะเป็นเพียงวัตถุสมมุติ [...]" ซึ่งอาจเป็นการอ้างถึงข่าวลือเกี่ยวกับ "ภาพสะท้อนแห่งสวรรค์" ที่ท้องฟ้าและหมู่ดาวอาจเป็นของปลอม
  • กฎแห่งสวรรค์อาจเป็น "ผู้สร้างที่ยังมาไม่ถึง" ซึ่งได้ถูกกล่าวไว้ในข้อมูลตัวละครของนักเดินทาง

นิรุกติศาสตร์[]

  • ชื่อในภาษาจีนของคำว่า "ราชาองค์แรก" ใช้ตัวอักษรคำว่า "ดั้งเดิม, ปฐมกาล" ซึ่งได้มีการปรากฏในคำสำคัญอีกสองคำ:
    • เทพเจ้าดั้งเดิม (ภาษาจีน: 原神 "เทพเจ้าดั้งเดิม, เทพเจ้าปฐมกาล") ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกม (Genshin ซึ่งเป็นการถอดเสียงจากการอ่านเป็นภาษาญี่ปุ่น)
    • Primogem (ภาษาจีน: 原石 "หินปฐมกาล") ซึ่งเป็นไอเทมที่ถูกอธิบายว่าเป็นสิ่งที่ "มาจากโลกยุคโบราณ" และ "ส่องประกายแสงที่เต็มไปด้วย ความหวังและความฝันจากจักรวาล ที่มันจากมา"

การอิงจากวัฒนธรรม[]

Qiqi JP 700k Twitter Icon
หน้าเพจนี้ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โปรดคลิกที่นี่เพื่อแก้ไขและเพิ่มข้อมูล

(รอการเพิ่มเติม)

หมายเหตุ[]

  1. ภายในบทความนี้จะมีการใช้คำว่า "กฎแห่งสวรรค์" โดยตรงแทนคำสรรพนาม และอาจมีบางส่วนที่ใช้คำสรรพนามเอกพจน์ว่า "เขา" เพื่อกล่าวถึงกฎแห่งสวรรค์ ตามคำสรรพนามที่กล่าวถึง Phanes หรือราชาองค์แรกในการแปลภาษาไทยของหนังสือ อดีตของตะวันและจันทรา อย่างไรก็ตาม ในเควสต์เทพเจ้า เชื้อเพลิงนามว่า "โชคชะตา" และในการแปลสรรพนามของภาษาอื่น ๆ ได้มีการกล่าวถึงสรรพนามของกฎแห่งสวรรค์ในรูปแบบของพหูพจน์ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับข้อความต้นฉบับของภาษาจีนในทั้งสองกรณี จะพบว่าไม่ได้มีการใช้คำสรรพนามใด ๆ หรือระบุว่ากฎแห่งสวรรค์เป็นบุคคลคน ๆ เดียว หรือเป็นกลุ่มบุคคล แต่ได้ถูกกล่าวถึงในลักษณะของการเป็นกลุ่มโดยรวม ดังนั้น บทความนี้จึงได้พยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำสรรพนามแทน ตามการแปลของภาษาไทยและภาษาจีน และอาจมีการใช้คำว่า "เขา" แทน เมื่อมีการกล่าวถึงซ้ำ ๆ ติดต่อกัน เพื่อให้รูปแบบของบทความนี้มีลักษณะของภาษาที่เหมาะสม
  2. มีการสันนิษฐานว่าสถานที่ที่ทั้งสองฝาแฝดได้เข้าต่อสู้กับเทพเจ้านิรนามคือ Celestia เนื่องจากมีการปรากฏแม่ลายของ Celestia จำนวนมากในตำแหน่งบริเวณที่คล้ายกับตั้งอยู่บนท้องฟ้า

ชื่อในภาษาอื่น[]

กฎแห่งสวรรค์[]

ภาษาชื่ออย่างเป็นทางการความหมายที่แท้จริง
ไทยกฎแห่งสวรรค์
อังกฤษHeavenly Principles
เฮเวนลี พรินซิเพิลส์
หลักการแห่งสวรรค์
จีน
(ตัวย่อ)
天理
เทียนหลี่
(Tiānlǐ)
กฎแห่งสวรรค์ / กฎธรรมชาติ
จีน
(ตัวเต็ม)
天理
เทียนหลี่
(Tiānlǐ)
ญี่ปุ่น天理
เท็งริ / เท็นริ
(Tenri)
กฎแห่งสวรรค์ / กฎธรรมชาติ
เกาหลี천리천리
ช็อลลี
(Cheolli)
กฎแห่งสวรรค์ / กฎธรรมชาติ
สเปนOrden Celestial
ออร์เดน เซเลสเตียล
คำสั่งแห่งฟากฟ้า / ระเบียบแห่งฟากฟ้า
ฝรั่งเศสOrdre divin
ออร์ดร์ ดีแว็ง
คำสั่งศักดิ์สิทธิ์ / ระเบียบศักดิ์สิทธิ์
รัสเซียНебесный порядок
เนเบสนืย ปอร์ยาดอค
(Nebesnyy poryadok)
คำสั่งแห่งสวรรค์ / ระเบียบแห่งสวรรค์
เวียดนามThiên LýThiên Lý
เทียน ลี้
กฎแห่งสวรรค์ / กฎธรรมชาติ
เยอรมันHimmlische Ordnung
ฮิมลิสเชอ ออร์ดนุง
คำสั่งแห่งสวรรค์ / ระเบียบแห่งสวรรค์
อินโดนีเซียPrinsip LangitPrinciples of the Sky
โปรตุเกสPrincípios CelestiaisCelestial Principles
ตุรกีSemavi İlkelerCelestial Principles
อิตาลีPrincìpi celesti

ราชาองค์แรก[]

ภาษาชื่ออย่างเป็นทางการความหมายที่แท้จริง
ไทยราชาองค์แรก
อังกฤษPrimordial One
ไพรมอร์เดียล วัน
ผู้แรกเริ่ม / ผู้บรรพกาล
จีน
(ตัวย่อ)
原初的那一位
Yuánchū de Nà Yī Wèi
That One of the Origin
จีน
(ตัวเต็ม)
原初的那一位
Yuánchū de Nà Yī Wèi
ญี่ปุ่น原初のあの方
Gensho no Ano Kata[!][!]
That One of the Origin
เกาหลี원초원초 그분
Woncho-ui Geubun
That One of the Origin
สเปนSoberano PrimordialPrimordial Sovereign
ฝรั่งเศสOriginelOriginal One
รัสเซียИзначальный
Iznachal'nyy
Primordial
เวียดนามVị Đầu TiênThe First One
เยอรมันUrsprünglichePrimordial
อินโดนีเซียSang PurbakalaThe Primordial
โปรตุเกสO PrimordialThe Primordial
ตุรกีEzeli OlanPrimordial One
อิตาลีPrimigenioPrimeval

Phanes[]

ภาษาชื่ออย่างเป็นทางการ
ไทยPhanes
กรีก: ฟานีซ
อังกฤษ: แฟเนส / ฟาเนส
อังกฤษPhanes
แฟเนส / ฟาเนส
(กรีก: ฟานีซ)
จีน
(ตัวย่อ)
法涅斯
ฝ่าเนี่ยซือ
(Fǎnièsī)
จีน
(ตัวเต็ม)
法涅斯
ฝ่าเนี่ยซือ
(Fǎnièsī)
ญี่ปุ่นパネース
Paneesu
เกาหลี파네스
Paneseu
สเปนFanes
ฝรั่งเศสPhanes
รัสเซียФанет
Fanet
เวียดนามPhanes
เยอรมันPhanes
อินโดนีเซียPhanes
โปรตุเกสPhanes
ตุรกีPhanes
อิตาลีPhanes


ประวัติการเปลี่ยนแปลง[]

เปิดตัวในเวอร์ชัน 1.0

อ้างอิง[]

  1. หนังสือ: คัมภีร์บทเพลงลอยละล่อง ตอนที่ 1
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 เควสต์เทพเจ้า บทที่ 3 ฉากที่ 5 - Akasha ปลุกปั่น เปลวเพลิงลุกโชน ส่วนที่ 5: จงดื่มแด่ชัยชนะ
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 เซ็ตอาร์ติแฟกต์ Flower of Paradise Lost: Amethyst Crown
  4. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 4 ฉากที่ 4 - ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนคำพยากรณ์จะถือกำเนิด ส่วนที่ 4: ก้าวย่างแห่งหายนะ
  5. เสียงพากย์ของ Neuvillette: ความรู้สึกที่ได้เลื่อนขั้น - บทสรุป
  6. เซ็ตอาร์ติแฟกต์ Fragment of Harmonic Whimsy: Ichor Shower Rhapsody
  7. เควสต์โลก บันทึกสนธยาแห่ง Byakuyakoku: บททดสอบแห่งถ้ำมังกรและงู
    Enjou: [...] ก็จะมีหลักฐานว่า "ทวยเทพ" และ Celestia เป็นสิ่งที่มาจากที่อื่น
  8. 8.0 8.1 8.2 เควสต์เทพเจ้า บทที่ 3 ฉากที่ 5 - Akasha ปลุกปั่น เปลวเพลิงลุกโชน ส่วนที่ 4: จุดหมายของนาวาแห่งจิตสำนึก
  9. 9.0 9.1 เควสต์ระดับตำนานของ Nahida, บทแห่งจ้าวปัญญา: ฉากที่ 2 - หวนคืนบ้านเกิด ส่วนที่ 2: หากลืมเลือนตัวตนแห่งตน
  10. เควสต์เทพเจ้า อารัมภบท ฉากที่ 3 - บทเพลงแห่งมังกรและอิสรภาพ ส่วนที่ 8: จุดสิ้นสุดของจุดจบ
  11. เสียงพากย์ของ Raiden Shogun: เกี่ยวกับ "วิชั่น"...
  12. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 2 ฉากที่ 4 - บทสวดสงบวิญญาณสะท้อนก้องหุบเหวลึก ส่วนที่ 2: โลงศพผู้ถูกพิทักษ์
  13. คำอธิบายบันทึก: Hilichurl
  14. เซ็ตอาร์ติแฟกต์ Flower of Paradise Lost: Lost Ay-Khanoum's Myriad
  15. 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 15.5 หนังสือ: คอลเลกชัน Byakuyakoku เล่มที่ 2
  16. เครื่องร่อนเวหา: Wings of Merciful, Wrathful Waters
  17. 17.0 17.1 เรื่องราวตัวละครของ Neuvillette: วิชั่น
  18. เควสต์โลก ความลับของ Erebos: การฝึกต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสาม
  19. หนังสือ: บันทึกอันน่าทึ่งของ Jueyun เล่มที่ 4
  20. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 1 ฉากที่ 3 - ดาราใหม่ฉายแสง ส่วนที่ 3: กลิ่นของความเดียวดาย
  21. เซ็ตอาร์ติแฟกต์ Vermillion Hereafter: Solar Relic
  22. อาวุธ: Oathsworn Eye
  23. 23.0 23.1 เควสต์โลก ความลับของ Erebos: การฝึกต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสาม
  24. เควสต์โลก: Antigonus
  25. หนังสือ: การสำรวจความเชื่อของผู้คนใน Sangonomiya
  26. เว็บไซต์ทางการ: คำอธิบาย Serpent's Head: เทพอสรพิษยักษ์ที่ถูก "Musou no Hitotachi" ของเทพแห่งสายฟ้าฆ่าตายนั้น ทุกวันนี้หลงเหลืออยู่เพียงแค่ซากกระดูกที่เหี่ยวเฉาเท่านั้น ถึงแม้จะยังแหงนหน้ามองฟ้าอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เทพอสูรนั้นได้ตายไปแล้ว และชื่อแห่ง "เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเล" นั้นก็ไม่อาจดังขึ้นอีกต่อไป
  27. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 4 ฉากที่ 5 - การเต้นรำของคนบาป
  28. จุดที่สามารถโต้ตอบได้: จดหมายที่ใครบางคนทิ้งไว้
  29. เซ็ตอาร์ติแฟกต์ Vourukasha's Glow: Vibrant Pinion
  30. เควสต์ระดับตำนานของ Raiden Shogun บทแห่งหนึ่งในใต้หล้า: ฉากที่ 2 - ความฝันอันแสนสั้น ส่วนที่ 1: แสงแห่งการชำระล้าง
  31. 31.0 31.1 เควสต์เทพเจ้า บทที่ 1 ฉากที่ 4 - เราจะได้พบกันในที่สุด ส่วนที่ 3: การท้าทายที่ไร้เกียรติ
  32. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 2 ฉากที่ 3 - พันมือร้อยเนตรในโลกหล้า ส่วนที่ 8: พันมือร้อยเนตร
    Ei: แต่ฉันได้เห็นประเทศที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง และสูญเสียทุกสิ่งอย่างให้กับกฎแห่งสวรรค์
  33. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 3 ฉากที่ 6 - Caribert ส่วนที่ 2: สิทธิ์ในการเย้ยหยันโชคชะตา
  34. เรื่องราวตัวละครของ Raiden Shogun: โนซิส
  35. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 2 ฉากที่ 3 - พันมือร้อยเนตรในโลกหล้า ส่วนที่ 9: ความปรารถนา
  36. 36.0 36.1 เควสต์เทพเจ้า บทสลับฉาก ฉากที่ 3 - พระวิหารที่ล่มสลาย ส่วนที่ 1: ปักษาราตรีร่วงหล่นก่อนม่านปิดฉาก
  37. เซ็ตอาร์ติแฟกต์ Pale Flame: Mocking Mask
  38. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 3 ฉากที่ 6 - Caribert ส่วนที่ 4: โชคชะตาที่ถูกขีดเขียนเอาไว้แล้ว
  39. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 4 ฉากที่ 6 - นิทานก่อนนอน ส่วนที่ 2: ความทรงจำที่ไม่ควรมีอยู่จริง
  40. YouTube: ตัวอย่างเนื้อเรื่อง Genshin Impact: เราจะได้พบกันในที่สุด
  41. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 1 ฉากที่ 4 - เราจะได้พบกันในที่สุด ส่วนที่ 4: วิญญาณที่ถูกแบ่งแยก
  42. เควสต์เทพเจ้า บทที่ 5 ฉากที่ 4 - แสงรุ้งที่ถูกลิขิตให้มอดไหม้ ส่วนที่ 6: เชื้อเพลิงนามว่า "โชคชะตา"
  43. เรื่องราวตัวละครของ Venti: เรื่องราวตัวละคร 3
  44. เสียงพากย์ของ Mona: ต้องการจะแชร์อะไร...

หน้าอื่น[]

Advertisement